“น้ำตาล” ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด...แค่เลือกให้ดี ก็เฮลธ์ตี้ได้
อย่างที่เรารู้กันมาตลอดว่า “น้ำตาล” เป็นตัวอันตรายของหุ่น หรือสุขภาพ แต่ในทางกลับกัน ร่างกายเองก็ขาดน้ำตาลไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นจะมาบอกว่าน้ำตาลไม่สำคัญ หรือไม่กินเลยเนี่ยมันก็ไม่ถูกซะทีเดียว ทางที่ดีเราลองมาฟังจากปากผู้เชี่ยวชาญกันก่อนดีกว่า จะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำตาลกันใหม่ให้ถูกต้องเช็คสักนิด...รู้จักน้ำตาลดีพอหรือยัง
หลายๆ คนอาจจะแค่รู้ว่าน้ำตาลก็คือน้ำตาล มันจะต้องมีกี่แบบ หรือแตกต่างกันยังไงส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครรู้หรอก แต่รู้มั้ยว่าจริงๆ แล้วน้ำตาลที่เรากินกันอยู่ทุกวัน มีอยู่ 2 กลุ่ม
เราจึงต่อสายตรงหาผู้เชี่ยวชาญ อย่าง ผศ.ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อขอข้อมูลแบบเจาะลึกกันไปเลย โดยอาจารย์ได้อธิบายให้เราฟังว่า
น้ำตาล ถือเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย ซึ่งเราจะแบ่งน้ำตาลเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. น้ำตาลที่มีอยู่ตามธรรมชาติ อย่าง น้ำตาลฟรุกโตสที่มีอยู่ในผักผลไม้ น้ำตาลแลคโตสที่มีอยู่ในนม และน้ำตาลมอลโตสที่มีอยู่ในมอลต์
2. น้ำตาลที่เติมเพิ่ม คือ น้ำตาลทรายที่มีการเติมเพิ่มเข้าไปในอาหาร และเครื่องดื่มระหว่างกระบวนการผลิตหรือเตรียมอาหาร อย่างเวลาที่เราเติมน้ำตาลทรายลงในเครื่องดื่มต่างๆ เติมน้ำผึ้งลงในแพนเค้ก หรือการเติมน้ำตาลทรายแดงในเค้กหรือคุกกี้นั่นแหละ
1. น้ำตาลที่มีอยู่ตามธรรมชาติ อย่าง น้ำตาลฟรุกโตสที่มีอยู่ในผักผลไม้ น้ำตาลแลคโตสที่มีอยู่ในนม และน้ำตาลมอลโตสที่มีอยู่ในมอลต์
2. น้ำตาลที่เติมเพิ่ม คือ น้ำตาลทรายที่มีการเติมเพิ่มเข้าไปในอาหาร และเครื่องดื่มระหว่างกระบวนการผลิตหรือเตรียมอาหาร อย่างเวลาที่เราเติมน้ำตาลทรายลงในเครื่องดื่มต่างๆ เติมน้ำผึ้งลงในแพนเค้ก หรือการเติมน้ำตาลทรายแดงในเค้กหรือคุกกี้นั่นแหละ
น้ำตาลกินมากไปก็ไม่ดี...แต่ไม่กินเลยก็ไม่โอเค
อย่างที่รู้กันว่าในตอนนี้เทรนด์รักสุขภาพมาแรงมาก แล้วน้ำตาลก็เป็นสิ่งต้องห้ามเบอร์ต้นๆ ของการรักษาสุขภาพกันเลยทีเดียว เพราะถ้ากินมากเกินไป ก็อาจจะทำให้อ้วน แถมด้วยปัญหาสุขภาพอย่างอื่นตามมาอีกเพียบ ก็เลยทำให้บางคนกลัวน้ำตาลถึงขนาดที่ไม่กินเลย หรือทุกอย่างต้องเป็น Sugar Free ไปทั้งหมด ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว การที่ไม่กินน้ำตาลเลยก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูก เพราะน้ำตาลเองก็มีประโยนช์กับร่างกายเหมือนกัน
“จริงๆ เราสามารถรับประทานน้ำตาลได้ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะร่างกายยังคงต้องใช้น้ำตาลเพื่อใช้เป็นพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน แต่ไม่ว่าจะรับประทานน้ำตาลชนิดไหน ก็ควรระวังไม่ให้เกินความต้องการของร่างกาย โดย องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แนะนำปริมาณน้ำตาลที่เติมเพิ่มในอาหารว่าไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน และข้อมูลธงโภชนาการของคนไทยก็ยังแนะนำให้บริโภคน้ำตาลที่เติมเพิ่มในอาหารไม่เกิน 4 - 8 ช้อนชา สำหรับผู้ที่ต้องการพลังงาน 1,600 2,000 และ 2,400 กิโลแคลอรีต่อวันตามลำดับ”
อยากจะหวาน...ก็ต้องรู้จักเลือกให้เป็น
นอกจากน้ำตาลทรายที่เติมลงในอาหาร และเครื่องดื่มแล้ว น้ำตาลที่มีอยู่ตามธรรมชาติก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประโยชน์มากกว่าน้ำตาลที่เติมเข้าไป เพราะให้พลังงานเหมือนกันแต่ให้ความหวานน้อยกว่า แถมได้ประโยชน์อื่นๆ ที่มาพร้อมกับอาหารนั้นๆ ด้วย เช่น น้ำตาลแลคโตส และมอสโตสที่ได้จากผลิตภัณฑ์นมต่างๆ
หวานน้อยกว่า แถมยังเฮลท์ตี้อีก
ความหวานที่ได้จากน้ำตาลที่มีอยู่ตามธรรมชาติอย่าง น้ำตาลแลคโตส (Lactose) ไม่ว่าจะเป็นนมแม่ นมวัว นมแกะ นมแพะ รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร และเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของนม ซึ่งจะมีน้ำตาลแลคโตสอยู่ประมาณ 5% เมื่อดื่มนมจะได้รับน้ำตาลแลคโตสเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจะถูกย่อยที่บริเวณลำไส้เล็กโดยเอนไซม์แลคเตสจากลำไส้เอง ได้เป็นกลูโคส และกาแลคโตสเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์เป็นพลังงานต่อไป ทั้งยังช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และแร่ธาตุอื่นๆ แถมน้ำตาลแลคโตสยังเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ในลำไส้ (โพรไบโอติก) ที่ทำงานร่วมกับพรีไบโอติก เพื่อทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้นอีกด้วย
เห็นมั้ยว่าจริงๆ แล้วน้ำตาลก็ไม่ได้ไม่ดีเสมอไปนะ เเค่กินให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และเลือกกินให้ถูกหลัก ก็เป็นสายหวานแบบเซฟสุขภาพได้เหมือนกันนะ