‘น้ำร้อนหรือน้ำเย็น’ จริงๆ แล้วเราควรอาบน้ำแบบไหน?


การอาบน้ำ ไม่ได้แค่ช่วยชำระล้างร่างกายให้สะอาดหรือช่วยให้เราคลายร้อนเท่านั้นนะ แต่จริงๆ แล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด ซึ่งการอาบน้ำร้อนและน้ำเย็นก็ให้ประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป แต่จะมีข้อดียังไงบ้าง วันนี้เรามีคำตอบ!



ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเทใจให้น้ำร้อน
ถึงแม้เราจะรู้ดีว่าการอาบน้ำในอุณหภูมิที่ร้อนในเวลาที่นานเกินไป จะทำให้ผิวแห้งเสีย แตกลอกและเป็นแผลได้ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังเทใจให้น้ำร้อนอยู่ดี ด้วยความที่ให้ความรู้สึกสบายและเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยลดความเครียดในแต่ละวันและยังมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่างทีเดียว
  • ช่วยฟื้นฟูหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะในผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง การอาบน้ำร้อนถือเป็นอีกหนึ่งวิธีขยายหลอดเลือดแบบธรรมชาติ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น และยังลดความแข็งตึงของหลอดเลือด ทำให้ลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบด้วย
  • ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อและข้อต่อ เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เรารู้สึกสบายเวลาอาบน้ำร้อน เพราะน้ำร้อนจะช่วยผ่อนคลายและบรรเทาอาการล้าของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้งานวิจัยยังพบว่าน้ำร้อนยังช่วยให้การทำงานของข้อต่อดีขึ้น
  • ช่วยฟื้นฟูสมอง จากงานวิจัยพบว่าการอาบน้ำร้อนช่วยเพิ่มระดับโปรตีนในสมองที่ชื่อว่า BDNF มีปริมาณสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งโปรตีนตัวนี้มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและบำรุงเซลล์ประสาท ร่วมถึงช่วยพืนพัฒนาสมองในส่วนของการเรียนรู้และความจำ
  • ช่วยเรื่องการนอนหลับ ถ้าใครที่มีปัญหาในการนอน การอาบน้ำร้อนก่อนนอนเป็นตัวช่วยที่ดีทีเดียว องค์กรต่างๆ อย่าง National Heart, Lung and Blood Institute สหรัฐอเมริกา ก็ยืนยันว่าการอาบน้ำร้อนช่วยแก้ปัญหาเรื่องการนอนได้จริง
  • ช่วยลดสิว เพราะน้ำร้อนนั้นทำให้รูขุมขนเปิด ช่วยให้เราสามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรกและคราบไขมันที่ติดอยู่ภายในรูขุมขนได้ดีขึ้น


Photo by Healthline

น้ำเย็นอาจไม่ดีต่อใจแต่ทำให้สดชื่น
ไม่ดีต่อใจในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงว่ามันไม่ดีต่อหัวใจที่เป็นอวัยวะนะ แต่น้ำเย็นอาจไม่ใช่สิ่งที่ใครหลายๆ คน พึงพอใจและเต็มใจที่จะอาบสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะไม่ได้รู้สึกสบายเหมือนเวลาอาบน้ำร้อนแล้ว บางทีอากาศข้างนอกกำลังหนาวๆ ยิ่งทำให้ทรมานเข้าไปอีก แต่รู้ไหมว่าน้ำเย็นดีต่อสุขภาพของเราไม่แพ้น้ำร้อนเลยนะ
  • ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น อย่างที่เรารู้กันว่าน้ำร้อนจะทำให้ผิวแห้ง เพราะน้ำร้อนไปชะล้างน้ำมันบนเซลล์ผิว ในทางตรงกันข้าม น้ำเย็นจะทำให้ผิวของเราสดชื่นเต่งตึงดูอิ่มน้ำ และยังช่วยให้รูขุมขนกระชับอีกด้วย
  • ช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายหลั่งออกมา ซึ่งหากมีปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายแปรปรวนและทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ นักวิจัยพบว่าการอาบน้ำเย็นจะช่วยลดระดับคอร์ติซอลในเลือดทำให้ความเครียดลดลง
  • ช่วยลดอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ อย่างที่เราเห็นว่านักกีฬาอาชีพมักจะลงไปแช่ในอ่างที่เป็นน้ำเย็นจัดเพื่อลดอาการบาดเจ็บและลดความเสียหายของกล้ามเนื้อหลังการแข่งขัน
  • ช่วยลดอาการคัน นายแพทย์ Adam Friedman จาก Albert Einstein College of Medicine บอกว่า น้ำเย็นจะช่วยปรับผิวให้มีสมดุลและลดอาการแพ้ ทำให้มีอาการคันที่ผิวน้อยลง
  • ช่วยให้รู้สึกเฟรช ถ้าใครมักจะงัวเงียหรือรู้สึกว่าไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าในตอนเช้าลองอาบน้ำเย็นดูสิ วินาทีแรกที่นำเย็นๆ กระทบร่างกายนั่นแหละ ทุกอย่างในร่างกายจะถูกบูส ไม่ว่าจะเป็นปริมาณออกซิเจน อัตราการเต้นของหัวใจ และจะทำให้รู้สึก Alert ขึ้นมาทันที


Photo by The Times

น้ำร้อน vs น้ำเย็น
ถ้าจะถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน ก็คงต้องบอกว่าดีทั้งสองแบบ จริงๆ แล้วเราควรจะอาบน้ำทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นสลับๆ กันไป อย่างตอนเช้านั้นเหมาะกับการอาบน้ำเย็น เพราะน้ำเย็นจะทำให้เรารู้สึกสดชื่นพร้อมเริ่มต้นวันใหม่ ส่วนน้ำร้อนเหมาะที่จะอาบในช่วงเวลาก่อนนอน โดยงานวิจัยแนะนำว่าการอาบน้ำช่วง 1-2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน จะทำให้นอนหลับสบายมากขึ้น

 
-->