การจะมีสุขภาพดี หรือมีหุ่นที่เป๊ะๆ นั้น แค่ออกกำลังกายอย่างเดียวอาจจะไม่พอ ยังต้องรู้จักคุมอาหาร และหันมากินผักผลไม้ด้วย ทำให้หลายๆ คน ที่เป็น Meat Lover ต้องหันไปหาตัวช่วยอื่นแทน อย่าง Kombucha Tea หรือชาหมัก ก็ถือเป็นเครื่องดื่มตัวเลือกสุขภาพที่มาแรงทีเดียว ด้วยคุณประโยชน์แบบเน้นๆ ทำให้เครื่องดื่มแก้วนี้ กลายเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลายๆ คนไปโดยปริยาย

 

จริงๆ แล้ว วัฒนธรรมการดื่ม Kombucha นั้นมีมาอย่างยาวนานเกือบสองพันปีแล้ว โดยเกิดจากการนำใบชามาหมักกับ SCOBY (Symbiotic Culture of Bacteria and Yeast) จนมีรสเปรี้ยวอมหวาน อุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโพรไบโอติกส์ จุลินทรีย์ชนิดดี ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ มีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่าย หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่มีผลการทดลองในหนูว่าช่วยล้างพิษในตับได้ด้วย

 

นอกจากนี้ ใน Kombucha ยังมีสารโพลีฟีนอลและกรดอะซิติก ช่วยป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย และสามารถควบคุมน้ำตาล LDL HDL คอเรสเตอรอล รวมถึงลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจด้วย ที่สำคัญ ยังมีการศึกษาในหลอดทดลองที่พบว่า Kombucha ช่วยป้องกันการเจริญเติบโต และการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้ด้วย ด้วยคุณประโยชน์แบบจัดเต็มขนาดนี้ ทำให้โดนใจสายเฮลธ์ตี้แบบไม่ต้องสงสัยเลย

 

ต้องบอกว่า Kombucha มีวิธีทำค่อนข้างหลากหลาย แล้วแต่สูตรของแต่ละคน แต่โดยทั่วไปก็จะนำใบชาเขียวหรือชาดำมาหมักกับน้ำตาล ยีสต์ และแบคทีเรีย โดยทิ้งไว้อย่างน้อย 7 - 15 วัน ซึ่งหลังจากนั้นก็จะสามารถนำไปหมักต่ออีกที เพื่อแต่งกลิ่นหรือรสชาติตามต้องการได้
 

Step 1: โดยวิธีทำ Kombucha นั้น เริ่มต้นจากการต้มน้ำ จากนั้นใส่ใบชาหรือถุงชาลงไป และแช่ทิ้งไว้ 10 - 20 นาที ซึ่งระหว่างนี้ก็คอยคนเป็นพักๆ
 

Step 2: นำโหลแก้วสำหรับหมักมาเตรียมไว้ เทน้ำเปล่าลงไปประมาณครึ่งโหล จากนั้นใส่น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน และค่อยเติม SCOBY และน้ำชาที่ต้มไว้ลงในโหลหมัก โดยกรองใบชาออกให้หมดก่อน
 

Step 3: ปิดท้ายด้วยการเติมน้ำเย็นลงไป โดยเว้นช่องว่างไว้เล็กน้อย เพื่อให้ SCOBY มีอากาศหายใจ จากนั้นก็ปิดฝาแบบหลวมๆ พอให้อากาศผ่านเข้าออกได้
 

Step 4: หมักไว้ 1 - 2 สัปดาห์ที่อุณหภูมิห้อง ระวังอย่าให้ร้อนเกิน 30 องศาฯ และอย่าให้โดนแสงแดด รวมถึงต้องระวังแมลง และความชื้นด้วย ระหว่างหมักสามารถเปิดชิมได้ทุกวันจนได้รสชาติที่ต้องการ
 

แค่นี้ก็จะได้ Kombucha ที่เปรี้ยวถึงใจ แถมยังดีต่อสุขภาพด้วย แต่ต้องระวังอย่าหมักไว้นานเกินไป เพราะ Kombucha อาจกลายเป็นน้ำส้มสายชูได้ โดยค่า pH ที่ดี ควรจะอยู่ราวๆ 4

 

Kombucha เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ หรือบางครั้งอาจไม่มีเลย ทำให้ดื่มตอนท้องว่างได้ ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร อาจจะดื่มก่อนมื้ออาหารสัก 20-30 นาที หรือหลังอาหารสัก 1 ชั่วโมงก็ได้ โดยสามารถดื่มได้บ่อยตามต้องการ ซึ่งถ้าใครเพิ่งเริ่มกินใหม่ๆ ก็อาจจะเอาไปผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่น เพื่อให้กินง่ายขึ้นได้ แต่ต้องระวังการดื่มช่วงใกล้เวลาเข้านอนนิดนึง เพราะถึงจะคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟ แต่ Kombucha ก็ยังถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเหมือนกัน