ไม่อยากเป็น 'ฝ้า' อย่าหาทำ

คำว่า “ฝ้า” คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของเราเลยจริงๆ ยิ่งพออายุเริ่มมากขึ้น ฝ้าก็เริ่มมาแบบงงๆ ขึ้นเต็มหน้าเหมือนฝ้าโกรธอะไรกัน ถึงแม้ว้าฝ้าที่เกิดขึ้นบนใบหน้าจะเป็น ปัญหาสุดกลุ้มแต่ก็อย่าเพิ่งหมดหนทาง มาดูกันก่อนว่าสาเหตุที่แท้จริงของฝ้านั้นเกิดจากอะไร แล้วจะรักษายังไงได้บ้างละเนี่ย



ฝ้า (ตัวร้าย) เกิดจากอะไรกัน
ฝ้าจะเกิดขึ้นกับเราได้จากความผิดปกติของเซลล์ผิวหนังที่สร้างเม็ดสีหรือเมลานิน (Melanin) มากเกินปกติจนทำให้เกิดรอยฝ้าขึ้น ส่วนใหญ่แล้วฝ้าสามารถเกิดได้ในบริเวณที่มักโดนแสงแดดบ่อยๆ เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปาก คาง คอ หน้าอก แขน เป็นต้น โดยตัวเลขเฉลี่ยของคนที่เป็นฝ้าส่วนใหญ่จะเริ่มจากวัย 30 ปีขึ้นไป และจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงได้มากกว่าผู้ชายอีกด้วย

สาเหตุ (ใกล้ตัว) ที่ทำให้เกิดฝ้า
สาเหตุของการเกิดฝ้า ก็เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวยิ่งนัก เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุหลักๆ ก็เป็นเรื่องที่ใกล้ตั๊ว ใกล้ตัวไปซะหมด อย่างเช่น

• แสงแดด แสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดทำให้เกิดฝ้า เมื่อผิวหนังถูกแสงแดด รังสีอุลตร้าไวโอเลตจะกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ไทโรซิเนสมากขึ้น ทำให้มีการสร้างเม็ดสีผิดปกติจนเกิดเป็น ฝ้า กระ หรือ รอยด่างดำมากขึ้นไปอีก
• ฮอร์โมน บางอย่างทำให้เกิดฝ้าหรือทำให้ฝ้าที่เป็นอยู่เข้มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วมักพบในคนตั้งครรภ์ หรือคนที่รับประทานยาคุมกำเนิดและอาจพบในคนที่เป็นไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism ) 
• เครื่องสำอาง บางคนเกิดการแพ้เครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม สี สารกันเสีย ทำให้เกิดรอยด่างดำแบบฝ้าได้เหมือนกัน
• การขาดสารอาหาร การขาดสารอาหารบางอย่างทำให้มีสีผิวคล้ำขึ้นได้ เช่น กรด Folic ,วิตามินเอ ,วิตามินซี หรือวิตามินบี 12 เป็นต้น
• พันธุกรรม คนในครอบครัวเดียวกันมีโอกาสเกิดฝ้าได้ถึง 30-50% และพบว่าฝ้ามักเกิดขึ้นกับคนเอเชียมากกว่า ซึ่งอาจเกิดจากอิทธิพลของพันธุกรรม หรืออาจเป็นผลมาจากสิ่งแวดล้อมอย่างสภาพอากาศ มลพิษ การใช้ชีวิต ก็เป็นได้

• เลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป
• ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 30 นาที
• หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10.00 น. - 16.00 น. ถ้าจำเป็นต้องออกแดดจริงๆ ควรสวมหมวก หรือกางร่มทุกครั้ง
• หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดฝ้า เช่น ยาคุมกำเนิด ยากันชักบางประเภท