แต่งหน้าไม่ติด ผิดที่ผิวหรือใคร
“สดกว่าปลาก็หน้าฉันนี่เอง” ถ้าประโยคนี้เกิดขึ้นทั้งๆ ที่อุตส่าห์แต่งหน้าเป็นชั่วโมง แต่พอออกจากบ้านมาได้ไม่เท่าไหร่ก็แปลงร่างกลับไปเป็นหน้าสดเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน แบบนี้มันจะเกินปุยมุ้ย เพราะนอกจากจะเปลืองเครื่องสำอางที่อุตส่าห์ประโคมไปแล้ว ยังมีผลสำรวจของ Science of People บอกไว้ว่าการแต่งหน้ามีผลต่อความสุขทางจิตของผู้หญิงโดยเฉพาะด้วย ดังนั้นถ้าแต่งหน้าแล้วไม่ติด ต้องไปหาคำตอบให้ได้ว่าเป็นเพราะอะไร?ผิดที่ (หน้า) มัน (และแห้ง)
“หน้ามัน” ปัญหากวนใจที่เกิดจากพันธุกรรม ทำให้ผิวหน้ามีรูขุมขนกว้าง ทำให้ไขมันในผิวขับออกมาได้ง่าย กลายเป็นความมันเยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้า นอกจากนี้การล้างหน้าสครับผิวบ่อยๆ เพราะเชื่อว่าช่วยขจัดความมันบนใบหน้า แต่ความจริงแล้วกลับตรงกันข้าม เพราะการสครับหน้าบ่อยๆ จะยิ่งทำให้รูขุมขนกว้าง และผิวหน้าขาดสมดุลจนมันได้ง่ายขึ้น วิธีแก้ปัญหาคือ ให้ใช้ครีมกระชับรูขุมขน หรือใช้ไพรเมอร์ลงก่อนเมคอัพ แล้วตบท้ายด้วยแป้งฝุ่น จะช่วยให้เครื่องสำอางติดหน้ามากขึ้นได้ หรือหากว่าผิวหน้าไม่ชุ่มชื้น ขาดความสมดุลของน้ำ หรือแห้งกร้านไม่ว่าจะแต่งหน้ายังไงเครื่องสำอางก็ลอย คงต้องอาศัยวิธีแก้แบบเร่งด่วนด้วยการลงมอยส์เจอไรเซอร์เตรียมผิวก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง ควบคู่ไปกับการบำรุงผิวหน้าเป็นประจำ
ผิดที่เครื่องสำอาง
สาวๆ ที่ชอบเสียดายแล้วปล่อยให้เครื่องสำอางหมดอายุ แถมยังเอามาใช้นั่นอาจเป็นเหตุให้แต่งหน้าไม่ติดได้ แถมยังทำให้เป็นสิวเห่อขึ้นหน้า หน้าแพ้ หน้าแห้งตามมาได้อีก เพราะฉะนั้นอย่าเสียดาย ให้คิดว่าค่ารักษาหน้าอาจจะแพงกว่าเครื่องสำอางที่เสียไปก็ได้ ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีผิวแบบไหน แล้วใช้เครื่องสำอางไม่ตรงกับสภาพผิว เช่น เป็นคนหน้ามัน เครื่องสำอางส่วนใหญ่ที่ใช้ก็ควรเป็นเนื้อแมตต์หรือฝุ่น และมีคุณสมบัติกันน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันบนผิวหน้าขับเครื่องสำอางหลุดออกไปหมด แบบนี้แต่งไปเท่าไหร่ก็ไม่ติดทนหรอก เหมือนกันกับคนหน้าแห้ง ก็ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ผสมสารบำรุงผิว และหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้หน้าแห้งยิ่งขึ้น ซึ่งบางคนอาจถึงขั้นผิวลอกเป็นขุย จนเครื่องสำอางที่ต่อให้โฆษณาสรรพคุณดีแค่ไหนก็ต้องขอลา
ผิดที่แต่งหน้า
“เข้มไว้ก่อนเดี๋ยวอ่อนเอง” ใครที่มีวิธีการแต่งหน้าแบบนี้ บอกเลยว่านี่แหละที่เป็นตัวการ เพราะยิ่งแต่งหน้าแน่นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการปิดกั้นไม่ให้ผิวได้รับออกซิเจน แล้วถ้าบวกกับว่าล้างเครื่องสำอางไม่หมดด้วยแล้ว นอกจากผิวจะไม่ได้พักผ่อน ยังทำให้หน้าแห้ง เกิดสิวอุดตัน จนตามมาด้วยปัญหาแต่งหน้าไม่ติดได้ หรือสาวมือไวที่ชอบแต่งหน้าแบบรีบๆ ในรถก็เหมือนกัน เพราะตามหลักการการลงเครื่องสำอางนั้น เมื่อทาบนผิวแล้วควรจะต้องทิ้งไว้สักพักให้เครื่องสำอางได้เซตตัว โดยเฉพาะมอยส์เจอไรเซอร์ ที่ต้องลงเป็นขั้นตอนแรกของการเตรียมผิว แล้วทิ้งรอไว้อย่างน้อย 5 - 10 นาที ไม่อย่างนั้นในระหว่างวันก็อาจมีเรื่องโป๊ะจากเหตุการณ์เครื่องสำอางละลายไหลเยิ้มกันบ้างแหละ เช่นเดียวกับพวกที่ชอบข้ามขั้น ลงเครื่องสำอางสลับขั้นตอนกันมั่วไปหมด ด้วยคิดว่าลงๆ ไป อันไหนก่อนหลังก็ไม่ต่าง ที่จริงแล้วเป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้แต่งหน้าไม่ติด แถมยังไม่สามารถอยู่ทนตลอดวันอีกต่างหาก
โดยขั้นตอนการแต่งหน้านั้นให้คิดไว้ว่า
- ต้องลงเครื่องสำอางชนิดน้ำก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้ซึมเข้าสู่ผิว
- จากนั้นค่อยไล่มาทาแบบเนื้อเจล ไปจนถึงเนื้อข้นและสัมผัสหนักอย่างรองพื้น
- ตบท้ายด้วยแป้งฝุ่นแล้วรอให้เครื่องสำอางเซตตัว
ผิดที่ไม่ดูแล
นอนน้อย ขาดน้ำ แถมยังไม่บำรุง 3 ส่วนประกอบนี้เป็นตัวดีเลยที่ทำให้แต่งหน้าไม่ติด เพราะตอนที่เรานอนหลับ จะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายรวมถึงเซลล์ผิวได้ฟื้นฟูและซ่อมแซม หากมีการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออดหลับอดนอน จะทำให้ผิวหน้าไม่พร้อมดูดซึมครีมบำรุง ต่อให้แต่งหน้าหนาขนาดไหน ยังไงเครื่องสำอางก็ไม่เซตตัว ดีไม่ดีหน้าลอยอีกต่างหาก
ผิดที่ดื่มน้ำน้อย
ดื่มก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้การนอนหลับ เพราะถึงแม้จะบำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ร้อยแปด แต่ถ้าร่างกายขาดน้ำ ยังไงผิวหน้าและปากแห้ง แต่งหน้าเท่าไหร่ก็ไม่ติดอยู่ดี เพราะฉะนั้นในแต่ละวันต้องไม่ลืมดื่มน้ำให้เพียงพอและถูกต้องคือ ไม่น้อยกว่า 8 แก้ว โดยการค่อยๆ จิบอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้อย่างเพียงพอ และจะต้องไม่ลืมเสริมด้วยการบำรุง โดยเฉพาะคนที่มีพื้นฐานผิวไม่ดี ยิ่งต้องบำรุงให้หนัก (กว่า) ในแต่ละวันที่ต้องออกไปตากแดดลุยฝน แถมยังผจญฝุ่นควันจะทำให้ผิวหน้าถูกทำร้าย กลายเป็นคนหน้าแห้ง ขาดความชุ่มชื้น โดยการบำรุงนี้ควรเลือกใช้ครีมบำรุงที่ปราศจากแอลกอฮอล์ สารพาราเบน และน้ำหอม
ที่สำคัญต้องไม่ลืมทาลิปมันก่อนนอนทุกวัน จะได้ช่วยให้ลิปสติกติดทนจนน่าคิสสส (ม๊วฟ!)