เธอตรวจพบว่าเป็นโรค ITP เกล็ดเลือดลดลงจากหลักแสนสู่หลักพัน
วันนี้เราจะพาทุกคนมาฟังประสบการณ์ตรงของ แพร ประไพพัฒน์ โดดชัย อายุ 23 ปี สาววัยทเวนตี้ซัมติงที่แพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็นโรคภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (ITP) หลังจากที่มีอาการประจำเดือนมาเยอะจนผิดปกติ แต่ความพีคยังไม่หมดแค่นั้นเพราะอาการของเธอนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนต้องใช้สเตียรอยด์ในการรักษา และผลที่ตามมามาคืออาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
ประจำเดือนมามากผิดปกติ...จุดเริ่มต้นของการไปหาหมอ
เธอบอกว่าไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นโรคนี้ “อาการตอนแรกคือประจำเดือนมามากผิดปกติก็คิดว่ามดลูกอาจจะมีปัญหาเลยไปหาหมอ ปรากฏว่าหมอตรวจเจอว่าเกล็ดเลือดต่ำ แต่ตอนนั้นมันก็ยังไม่ได้ต่ำมาก เพราะคนปกติทั่วไปจะมีจำนวนเกล็ดเลือดอยู่ที่ 150,000-400,000 เซลล์/ลบ.มม. แต่ของเราอยู่ที่แสนต้นๆ หมอเลยให้กินยาบำรุงเลือด, งดเหล้า, หลีกเลี่ยงคนที่เป็นหวัด และนัดให้กลับมาตรวจใหม่อีกครั้ง”
เพราะคิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก...เลยทำให้ชะล่าใจ
อาจเป็นเพราะความไม่รู้บวกกับคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลยทำให้เธอเกิดความละเลย “ตอนได้ยาบำรุงเลือดมาเราก็กินบ้างไม่กินบ้างเพราะไม่ชอบกิน แล้วตอนนั้นก็เรียนหนัก ไม่ค่อยได้พักผ่อน ส่วนเหล้าก็มีกินบ้าง แต่ไม่ได้บ่อย สุขภาพช่วงนั้นก็ไม่ค่อยแข็งแรง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร" และสุดท้ายเธอก็ไม่ได้ไปหาหมอตามนัดแถมยังปล่อยเวลาทิ้งไว้นานกว่า 2 ปี
อยู่ๆ เกล็ดเลือดก็ตกฮวบ จากหลักแสนสู่หลักหมื่น
เธอปล่อยเวลามานานกว่า 2 ปีที่ไม่ได้รักษา จนกลับมาป่วยอีกครั้ง “เรามารู้ตัวอีกทีคือตอนนั้นเราป่วย เป็นไข้กินยาลดไข้ไป 3 วันแล้วก็ยังไม่หาย เลยไปหาหมอ ปรากฏว่ายาพาราที่เรากินมันเป็นยาที่ไม่ถูกกับโรค ITP มันเลยทำให้เราอาการหนักกว่าเดิม หมอตรวจเจอว่าเกล็ดเลือดเราลดลงเหลือ 40,000 เลยบังคับให้แอดมิททันที เพราะหมอบอกว่าถ้าลดลงมาเยอะขนาดนี้มีโอกาสที่เลือดจะออกในสมองและเสียชีวิตได้”
ต้องต่อสู้กับยาที่รักษา…เพราะร่างกายต่อต้าน
“หลังจากแอดมิทเกล็ดเลือดก็ต่ำลงเรื่อยๆ จนเหลือ 8,000 ซึ่งมันน้อยมาก หมอต้องให้เกล็ดเลือดและต้องฉีดสเตียรอยด์เข้าเส้นเลือดดำ หลังจากนั้นอาการก็กลับมาดีขึ้นจนกลับบ้านได้ พอกลับมาได้ 4-5 วัน เกล็ดเลือดก็ต่ำลงอีก หมอเลยให้ยาโดสสูงสุดคือกินยาวันละ 12 เม็ด พอเรากินยาเยอะเกินไปร่างกายมันต่อต้าน มีอาการแทรกซ้อนเยอะมาก หน้าบวม, ตัวบวม, ขาบวม, มือ-เท้า ชา, เหงื่ออกตลอดเวลาและปัสสาวะมีไขมันปนออกมาด้วย ร่างกายรู้สึกไม่สบายตัว รวมไปถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเพราะผลข้างเคียงของยา"
ตัดสินใจย้ายโรงพยาบาล เพื่อปรับวิธีการรักษา
“หลังจากย้ายโรงพยาบาลหมอก็ปรับลดยาเหลือวันละ 8 เม็ด เพราะยิ่งกินสเตียรอยด์มากร่างกายยิ่งอ่อนแอ พอปรับลดยาอาการแทรกซ้อนก็ดีขึ้น แต่พอรักษาไปสักพักมันก็ลดลงอีก หมอเลยบอกว่าต้องเปลี่ยนยา เป็นการฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาวเพื่อให้เกล็ดเลือดกลับมาเท่ากับคนปกติ ซึ่งต้องฉีดทั้งหมด 4 เข็ม ตอนนี้ฉีดไปเข็มเดียว เหลืออีก 3 เข็ม" หลังจากฉีดยากระตุ้นไปเธอก็รู้สึกว่าดีขึ้น แต่ถึงยังไงก็ต้องลุ้นกันต่อไป ว่าพอครบ 4 เข็มแล้ว จำนวนเกล็ดเลือดของเธอจะสามารถกลับมาเท่าคนปกติได้หรือไม่ ยังไงเราก็ขอเป็นกำลังใจให้เธอก้าวข้ามจุดนี้ไปให้ได้
สุดท้ายเธอฝากไว้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วและกลับมาแข็งแรงคือการดูแลสุขภาพ “โรคนี้มันเกิดได้จากหลายสาเหตุ เพราะฉะนั้นการดูแลสุขภาพมันสำคัญมาก ของหมัก ของดอง งดกินไปเลย เน้นกินผักให้เยอะ โชคดีว่าเป็นคนไม่ได้ชอบกินน้ำหวาน ก็เลยไม่ค่อยติดปัญหาเรื่องการกินน้ำเปล่า แต่มันก็มีบางวันที่เครียดๆ ก็แอบกินขนมบ้าง แต่กินนิดเดียวและไม่กินบ่อย”