เขาปล่อยตัวให้ร่างพัง น้ำหนักแตะ 103 กก. จนขยับช่วงล่างไม่ได้เพราะไทรอยด์เป็นพิษ



การใช้ชีวิตแบบ Work hard play harder ไม่ใช่สิ่งผิด แต่ถ้าคุณไม่ดูแลสุขภาพของตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ ก็อาจน้ำหนักพุ่ง หุ่นพัง แถมป่วยโรคไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ ศุภดิศฐ์ ศักย์สุกฤษฎิ์ หรือ บั๊นท์ เรียกว่า “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” กว่าจะดูแลตัวเองอย่างจริงจังก็เกือบสายเกินไป



ปล่อยตัวจนร่างพัง... สุขใจ แต่ไม่สบายกาย
เขาไม่ใช่คนอ้วนตั้งแต่เกิด แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่มีปัญหาสุขภาพ ทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างไม่ระวัง “ผมเพิ่งอ้วนตอนเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นทำงานร้านพิซซ่า ก็น้ำหนักขึ้นมาเรื่อยๆ กระทั่งพีคสุดคือน้ำหนักแตะ 103 กก. ตอนนั้นคิดว่าเป็นวัยรุ่น ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ แม้จะอ้วนแต่ก็ยังไปเตะบอลกับเพื่อน ซึ่งก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน”
ปัจจุบันเขามีอาชีพเป็นเซลแมน ซึ่งต้องเดินทางไปต่างจังหวัดและต้องร่วมงานเลี้ยงเสมอ “เมื่อก่อนการกิน เที่ยว ดื่มเต็มที่ ทำให้เรารู้สึกสนุก แต่พอเริ่มมีปัญหาสุขภาพก็ทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่ผ่านมาตอนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด แม้จะมีความสุขแต่ก็ไม่ดีกับร่างกาย”


จุดเปลี่ยนสำคัญคือไทรอยด์เป็นพิษ โพแทสเซียมต่ำ จนช่วงล่างไม่รู้สึก
ก่อนหน้านั้น บั๊นท์บอกว่าร่างกายไม่มีสัญญาณความผิดปกติใดๆ จึงใช้ชีวิตตามปกติ กระทั่งเกิดเหตุที่ทำให้เขาต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม “ไม่รู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ แต่มีวันหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่าขาไม่มีแรง เอานิ้วจิ้มก็ยังรู้สึก แต่ไม่มีแรงขยับ เหมือนเป็นอัมพาตครึ่งตัว พ่อจึงหามผมที่หนักร่วมร้อยกิโลไปส่งโรงพยาบาล หมอก็เจาะเลือดจนพบว่าโพแทสเซียมในเลือดต่ำเพราะไทรอยด์เป็นพิษ ทำให้ไม่มีแรง ซึ่งบางคนถ้าป่วยโรคนี้อาจถึงขั้นตาบอด”
บางวันที่เครียดมากๆ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะตื่นมามีอาการแบบนี้อีก เคยเป็น 2-3 ครั้ง โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งพอไปหาหมอก็ให้กินยาเหมือนเดิม
 
    


หมอให้การรักษาอย่างไรบ้าง
“การรักษาไม่ยากเลย คือเพิ่มโพแทสเซียมในร่างกายโดยการให้น้ำเกลือและกินยา ก็กลับมาเดินได้ปกติ” นอกจากนี้หมอยังให้เน้นกินอาหารที่มีไขมันต่ำ เน้นผักผลไม้ ส่วนเรื่องการออกกำลังกายก็สามารถออกกำลังกายแบบเบาๆ เพราะหากออกกำลังกายหนักก็จะเสียเหงื่อเยอะ ซึ่งจะทำให้โพแทสเซียมในร่างกายต่ำลง อาจเป็นอันตรายต่อคนป่วยโรคนี้ได้ 
 
      

“ผมเองก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าป่วยเป็นโรคนี้เพราะอะไร พอหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่าคนที่ไม่ดูแลสุขภาพ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ พักผ่อนไม่เพียงพอนั้นมีความเสี่ยงโรคนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งผมเข้าเกณฑ์หมดเลย... แม้ก่อนหน้านี้จะตรวจเช็คอัพสุขภาพเป็นประจำ ส่วนใหญ่ค่าเป็นปกติ มีบ้างที่น้ำตาลในเลือดเกิน 2 เปอร์เซ็นต์ จึงคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก”


ป่วยไทรอยด์เป็นพิษ จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เข้มงวดกับตัวเอง
ประสบการณ์ช่วงล่างไม่มีความรู้สึกจนเดินไม่ได้ในครั้งนั้น ทำให้เขากลับมาดูแลสุขภาพตัวเองอย่างจริงจัง “จริงๆ การดื่ม การกิน การเที่ยวมันอยู่ที่ตัวเอง สมัยก่อนคิดว่าเป็นวัยรุ่น คิดว่าร่างกายแข็งแรง แต่พอเกิดเรื่องพวกนี้ พูดได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ ‘ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา’ กระทั่งได้รู้จักผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษคนหนึ่งที่ไปออกรายการคนแปลงร่างและสู้กับโรคจนหายดี จึงส่งคลิปไปเพื่อร่วมรายการบ้าง”



“การร่วมรายการนาน 90 วันนั้นทำให้ผมได้ดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องของโภชนาการ การออกกำลังกาย การพักผ่อน ลดน้ำหนักลงสัปดาห์ละ 0.7 กก. ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่ทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายผิดปกติ จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังยึดหลักที่ได้เรียนรู้จากรายการมาปฏิบัติ จนตอนนี้น้ำหนักลดลงไปรวม 16 กก. แล้ว”


เข้มงวดกับตัวเอง จนค่าไทรอยด์กลับสู่ระดับปกติ
ค่าไทรอยด์จะมีเปอร์เซ็นต์การวัดว่าปกติจะอยู่ที่ 0.4-4.0 แต่ช่วงที่บั๊นท์ป่วย เขาบอกว่าค่าไทรอยด์ของเขาขึ้นไปอยู่ที่ 8 ทำให้เดินไม่ได้ แต่หลังจากเข้มงวดกับตัวเองแล้วค่าไทรอยด์ลงมาอยู่ที่ 4.0 ซึ่งนั่นยังไม่ได้ทำให้เขาสบายใจนัก
 

“โรคนี้ต้องดูกันในระยะยาว ถ้าคุมอยู่ก็จะหายไปเอง แต่หมอก็ยังกังวล ให้ผมกินยาคุมไทรอยด์อยู่และตรวจเลือดเป็นประจำทุกเดือน นอกจากนี้ผมยังชอบออกกำลังกายมากขึ้น แต่ก่อนจะไปเตะบอลกับเพื่อนสัปดาห์ละครั้ง แต่ตอนนี้ต้องออกกำลังกาย 4-5 วันต่อสัปดาห์ วันไหนที่ไม่ได้ไปยิมก็จะออกกำลังกายที่บ้านอย่างน้อย 30 นาที... รู้สึกเสพติดการออกกำลังกายไปแล้ว” 

คนที่เป็นไทรอยด์เป็นพิษ ออกกำลังกายช่วงแรกอาจรู้สึกเหนื่อยมาก จึงต้องรู้จักขีดจำกัดของตัวเอง ไม่ฝืนร่างกาย


การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ทำให้เขาเป็นแรงบันดาลใจของคนรอบข้าง
“คิดว่าถ้าโรคนี้มันเข้ามาได้ มันก็ต้องหายไปจากชีวิตผมได้... ซึ่งสิ่งที่ผมคิด ปฏิบัติ และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น”



สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่เรื่องรูปร่างเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องความคิดด้วย “mindset เปลี่ยนไป 1 คือเรื่องการกิน ผมเลือกกินมากขึ้น คำนวณแคลอรี 2 คือชอบออกกำลังกายมากขึ้น ทำแทบทุกอย่างที่ทำได้ ใครชวนไปไหนก็ไป อย่างเต้นซุมบ้า ปั่นจักรยาน วันหนึ่งขอให้เหงื่อออก... แล้วก็ลามไปถึงคุณพ่อ จะห้ามท่านกินหวานและถ้าวันไหนที่อยู่บ้านแล้วฝนไม่ตก ก็ชวนท่านพาหมาเดินเล่นรอบบ้าน 2-3 รอบ ส่วนคุณแม่ก็จะห้ามท่านกินของมัน ของทอด และมีเพื่อนมาขอคำแนะนำมากขึ้น”


บทเรียนราคาแพงที่ได้
เราอาจมองว่าคนอ้วนนั้นมีความสุข แต่ต้องบาลานซ์ชีวิตของตัวเองให้ดี “ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป ก็นึกเสียดายว่าทำไมเราไม่ดูแลสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างที่คนรอบตัวห่วงใยเรา กว่าจะดูแลตัวเองอย่างจริงจังก็ถึงวันที่ป่วยไทรอยด์เป็นพิษ ร่างกายช่วงล่างไม่รู้สึกอะไร... จากร่างกายที่เคยแข็งแรง ผมกลับละเลยตัวเองจนอ้วน เข้าสังคมแล้วไม่มั่นใจ จีบสาวก็ลำบาก”

สุดท้าย... เขายอมรับว่า อุปสรรคสำคัญที่สุดคือความขี้เกียจ “ถ้าคุณไม่เปลี่ยน Mindset ไม่เปลี่ยนการกิน ยังดื่มแอลกอฮอล์ เราอาจจะไม่ใช่แค่เดินไม่ได้ แต่ถึงขั้นตาบอดเลยก็ได้”


 
-->