ตั้งแต่เด็ก เราก็มักจะถูกสอนว่าต้องแปรงฟันให้สะอาดทุกวันเพื่อป้องกันฟันผุ แต่ใครจะไปรู้ว่าวิธีที่เราแปรงฟันกันมาตลอดชีวิตนั้น ยังไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง… อ้าว! แล้ววิธีแปรงฟันที่ถูกต้องคืออะไรล่ะ?

หลังจากการประชุมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติที่ประเทศอังกฤษมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ควรแนะนำวีธี "การเเปรงฟันแห้ง" ให้กับทุกคน เพราะเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันฟันผุได้ดีกว่า!!!

"แปรงฟันแห้ง" แตกต่างกับแปรงฟันแบบปกติยังไง?
แปรงฟันแห้งคือการไม่ใช้น้ำในการแปรงฟันเลย ทั้งไม่ใช้แปรงจุ่มน้ำก่อนหรือแม้แต่การบ้วนน้ำหลังแปรงฟัน
ซึ่งพ้อยท์สำคัญของการแปรงฟันแห้งอยู่ที่พระเอกอย่างฟลูออไรด์ ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์จะช่วยเคลือบให้โครงสร้างของฟันแข็งแรง ทำให้ฟันผุยากขึ้น แต่การบ้วนน้ำออกไป 1 ครั้งจะทำให้สูญเสียฟลูออไรด์ไปถึง 50% เลยทีเดียว ฉะนั้นยิ่งบ้วนน้ำมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสูญเสียฟลูออไรด์มากขึ้นเท่านั้น 

เทคนิคการแปรงฟันแห้ง
หลักของการแปรงแห้งคือเพื่อให้ฟลูออไรด์ในยาสีฟันเคลือบฟันของเราให้ได้มากที่สุด เริ่มจากการใช้แปรงสีฟันแห้งสนิทไม่จุ่มน้ำ เพื่อไม่ให้ฟลูออไรด์เจือจาง ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์แปรงให้ทั่ว โดยใช้เวลาแปรง 2 นาทีขึ้นไป และถ่มฟองทิ้งแทนการบ้วนน้ำ คำแนะนำคือไม่กินหรือดื่มอย่างน้อย 30 นาทีหลังจากแปรงฟันเพื่อให้ฟลูออไรด์ซึมเข้าไปที่ผิวฟันและคงอยู่ให้ได้นานที่สุด เช่นช่วงก่อนนอน หรือหลังมือเช้า 

ยาสีฟันที่ตกค้างอยู่ในช่องปาก เป็นอันตรายไหม?
สารที่คนส่วนใหญ่เป็นกังวลคือ SLS หรือสารที่ทำให้เกิดฟอง โดยปกติยาสีฟันจะมีสารชนิดนี้อยู่เพียง 0.5-2% ซึ่งไม่ใช่สารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง และเมื่อผสมกับน้ำลายตอนแปรงฟันและบ้วนทิ้งแล้ว จะเหลือสารตกค้างปริมาณเล็กน้อยมาก เป็นปริมาณที่ไม่ทำเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ 


สำหรับใครที่ยังรู้สึกไม่ชินกับการไม่บ้วนน้ำหลังแปรงฟัน อาจเริ่มต้นจากการบ้วนน้ำเล็กน้อยเพียงครั้งเดียว และที่สำคัญ! อย่าลืมเลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ด้วยล่ะ ถ้ายาสีฟันไม่มีฟลูออไรด์ ไม่ว่าจะแปรงแบบแห้งหรือเปียก ก็ไม่ช่วยป้องกันฟันผุอยู่ดีนะ รวมถึงลดการกินแป้งหรือน้ำตาลก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยจากโรคฟันผุอีกด้วย ถ้าต่อจากนี้เราทดลองแปรงฟันแห้งทุกวัน ครั้งต่อไปที่ไปหาหมอฟัน สุขภาพฟันของคุณอาจจะดีขึ้นจนหมอฟันชมเลยล่ะ