ถ้ารู้ว่าอนาคตคือ “การเลิกกัน” คงไม่มีใครอยากเริ่มความสัมพันธ์หรอกจริงมั้ย 

การอธิบายว่ารู้สึกแย่แค่ไหน คงจะใช้เวลาหลายชั่วโมง เพราะช่วงเวลาที่เคยใช้ร่วมกัน การได้เรียนรู้กันและกันอาจทำให้คุณพบกับความผิดหวัง และเมื่อถึงทางตัน แน่นอนว่า "การจบความสัมพันธ์" คือทางออกที่ดีที่สุด... เราเชื่อว่าหลายคนยังลังเล ตัดใจทิ้งความทรงจำดีๆ ที่เคยมีร่วมกันไม่ได้ การได้หัวเราะในเรื่องไร้สาระด้วยกันเป็นความรู้สึกที่ยากจะลืม แง่หนึ่งทำให้คุณมีความสุข แต่อีกแง่คือทำให้คุณปวดหัวจี๊ด ว่าจะทนกับสิ่งที่เฝ้าบอกตัวเองว่าคือ "ความสุข" ได้นานแค่ไหน หรือควรจบแล้วเผชิญหน้ากับอนาคตด้วยตัวเองดีกว่า

จำไว้ว่า ไม่ว่าความสัมพันธ์ครั้งนั้นจะยอดเยี่ยมหรือแย่แค่ไหน ทุกการสิ้นสุดย่อมมีเหตุผลของมัน... และ "การเลิกกัน" อาจเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดของชีวิตคุณเลยก็ได้
 

1) ไม่ต้องบั่นทอนตัวเองด้วยความกลัวอีกต่อไป
สาวแสนดีที่อยู่ตรงหน้า อาจทำให้ชีวิตคุณแย่ลงก็ได้จริงมั้ย? แต่คุณก็ไม่อยากจบ ส่วนหนึ่งอาจเพราะเธอเป็นผู้หญิงสุดเพอร์เฟ็กต์ ขณะเดียวกันคุณก็กลัวอนาคตที่ยังมาไม่ถึง กลัวจะต้องเสียใจ หรือกลัวว่าการตัดสินใจเลิกกันเป็นความผิดพลาดครั้งสำคัญ "ความกลัว" เหล่านี้บั่นทอนตัวเองกว่าที่คิด
แต่หากคุณเลิกกัน ได้เผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ และสามารถก้าวข้ามช่วงเวลาที่แสนยากลำบากในชีวิตได้แล้วล่ะก็ คุณจะรู้สึกภูมิใจและไม่หวั่นกับอุปสรรคที่จะเข้ามาในอนาคต 

2) ได้โฟกัสตัวเองเต็มที่
แน่นอนว่าเมื่อคุณมีแฟน ก็อยากทุ่มเททุกอย่างที่คุณมีให้กับเธอ ไม่ทันรู้ตัวคุณก็ชอบหรือสนใจอะไรเหมือนกับเธอไปแล้ว หรือจะให้พูดอีกแง่คือสูญเสียความเป็นตัวเอง
แต่เมื่อความสัมพันธ์สะบั้นลง ช่วงแรกๆ คุณอาจรู้สึกเคว้งคว้าง ไม่รู้จะทำอะไร อาจออกไปแฮงก์เอ้าท์กับเพื่อนอาจเป็นทางแก้ แต่เราอยากให้คุณใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ทุ่มเทเวลาให้กับสิ่งที่คุณสนใจจริงๆ รวมถึงคนที่สำคัญที่สุดและคุณต้องรักเขาให้มากๆ นั่นก็คือ "ตัวคุณ" เอง

3) มีวันดีๆ มากขึ้น
ช่วงที่ยังรักกันดี คงอยากมีเวลาวันละมากกว่า 24 ชั่วโมงที่ได้ใช้ร่วมกับเธอ บางวันก็ดี บางวันก็แย่ ซึ่งบางครั้งคุณก็ควบคุมไม่ได้
ซึ่งการเลิกกันนั้นจะทำให้คุณมีเวลา 24 ชั่วโมงเป็นของคุณคนเดียว ช่วงแรกๆ คุณอาจรู้สึกว่ามีเวลาเหลือเฟือ บางวันคุณอาจคิดว่า "ทำไมวันนี้ยากจัง" แต่ถ้าคุณก้าวข้ามมาได้ ก็อยู่ที่ตัวคุณเองแล้วล่ะ ว่าจะทำให้วันนั้นเป็นวันที่ดีหรือแย่

4) รักตัวเอง แล้วจะเจอรักดีๆ 
เรารู้ว่าความรู้สึกเป็นที่รัก รู้ว่ามีคนรักและต้องการเรานั้นเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ นั่นทำให้บางคนกลัวไม่เป็นที่รักจนหมดความมั่นใจตัวเองไป หรือยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเรา
เมื่อถึงช่วงเวลาของการเป็นโสดอีกครั้ง สิ่งแรกที่คุณควรทำไม่ใช่การมองหารักครั้งใหม่ แต่เป็นการรู้จัก "รักตัวเอง" ต่างหาก ไม่ทันรู้ตัวอาจมีคนมาตกหลุมรักคุณก็ได้นะ

5) อนาคตอันสดใสรออยู่ 
การฝ่าฟันช่วงเวลาที่ยากลำบากย่อมทำให้คุณ "เติบโต" ขึ้นเสมอ แง่มุมหนึ่งคือการตระหนักรู้ คุณจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร อยากให้อนาคตเป็นแบบไหน เหล่านี้มาจากสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากความสัมพันธ์ที่จบลง
แน่นอนว่าหากจะมีความรักอีกครั้ง คุณจะมีธงในใจว่าสิ่งที่คุณต้องการจากความสัมพันธ์คืออะไร ยิ่งภาพของคุณชัดเจนและมีความซื่อสัตย์ต่อตัวเองเท่าไหร่ อนาคตก็ยิ่งสดใสมากขึ้นเท่านั้น

6) ให้เวลากับครอบครัวและเพื่อน
เป็นเรื่องธรรมดาหากช่วงที่ยังอินเลิฟ คุณแทบไม่ได้เจอหน้าเพื่อนและครอบครัว ซึ่งการกลับมาเป็นโสดอีกครั้งจะทำให้คุณได้ทบทวนความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง คนที่มีความหมายและสำคัญกับคุณจริงๆ
อยากรู้มั้ยว่าใครบ้าง? ก็คนที่คอยอยู่เคียงข้างคุณในช่วงเวลาที่หัวใจแตกสลายยังไงล่ะ หากคุณเยียวยาหัวใจตัวเองแข็งแรงแล้ว ก็ให้เวลาและความสำคัญกับพวกเขาให้มากขึ้นกันดีกว่า

7) เฉลิมฉลองให้บทเรียนชีวิต
หากจะบอกว่าการเลิกกันทำให้ชีวิตคนๆ หนึ่งพังลง ก็คงจะไม่เกินเลยความจริงนัก... ใครจะไปเข้มแข็งได้ตลอดเวลา สตรองได้กับทุกเรื่องล่ะจริงมั้ย - สิ่งที่แต่ละคนได้รับและเรียนรู้จากการเป็นโสดอีกครั้งนั้นแตกต่างกัน แต่เราเชื่อว่าประสบการณ์รักที่เพิ่งจบลง จะเป็นบทเรียนอันคุ้มค่าให้คุณได้แน่นอน

ถ้าคุณยังลังเลว่าจะจบความสัมพันธ์ที่ต้อง "ทนอยู่" ดีไหม? เราขอชวนคุณมาเป็นโสดอีกครั้ง เพื่อเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ที่ดีต่อตัวคุณเองยังไงล่ะ