หยุด 'Cyber Bullying' ด้วยการเปลี่ยน 4 พฤติกรรมนี้!

เมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล 4.0 สิ่งต่างๆ รอบตัวเราก็เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการสื่อสารในรูปแบบออนไลน์ที่มีมากกว่าออฟไลน์อย่างเห็นได้ชัด แถมยังแชร์ความเห็นกันได้แบบอินเตอร์แอคทีฟตลอดวันอีกด้วย และนี่! ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนใช้ช่องทางนี้ในการกลั่นแกล้งผู้อื่นด้วยการคอมเม้นต์สร้างความเสียหายและอับอายให้กับผู้โพส พฤติกรรมนี้เรียกว่า “Cyber Bullying” ที่จัดเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุของการก่อให้เกิดการฆ่าตัวตายจากทั่วโลกนั่นเอง  



 
วันนี้เราได้รวบรวม 4 พฤติกรรมหลักที่เข้าข่ายการเป็นวายร้ายไซเบอร์แบบไม่รู้ตัว ลองเช็คตัวเองหน่อยว่ามีพฤติกรรมแย่ๆ แบบนี้หรือเปล่า เพราะถ้ายังไม่ปรับเปลี่ยนการกระทำแบบนี้ล่ะก็ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการฆาตกรรมคนๆ นึงแบบทางอ้อมเลยก็ว่าได้  

1. คอมเม้นต์ด้วยถ้อยคำดูหมิ่น มุ่งหวังให้ผู้โพสอับอายเสียหาย
ที่เราเห็นส่วนใหญ่บนโลกออนไลน์ บุคคลเหล่านี้มักสร้างแอคเคาท์ปลอมขึ้นมาเยอะมากก มุ่งหวังเพื่อมากวน ปั่นเรื่องเท็จให้เป็นจริง หรือใช้คำพูดไม่สุภาพต่อผู้โพสอย่างเห็นได้ชัด พบเจอได้ทุกที่ ไม่ว่าจะคอมเมนต์ใต้วีดีโอยุทูป เฟสบุ๊คและอินสตราแกรม ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้นล่ะก็ เราขอร้องให้หยุดใช้บัญชีปลอมเหล่านั้นทำร้ายผู้อื่นจะดีกว่า ทางสำนักข่าว THE TELEGRAPH และงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Oxford ยังได้สรุปไว้ว่า การกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์แบบนี้จะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงให้คนฆ่าตัวตายได้ถึง 2.3 เท่าเลย!     

2. แชร์ต่ออย่างไม่หยุดยั้ง!
ไม่ว่าเรื่องนั้นจะมีมูลจริงหรือไม่ แต่เมื่อไหร่ที่มันเป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” คุณจะไม่สืบหาต้นตอของมันเลยซักนิด แต่กลับแชร์ผ่าน Direct Message ทันที นั่นก็เพราะเนื้อหามันเกี่ยวโยงกับเรื่องเสียหายของคนอื่นยังไงล่ะ เช่น คลิปฉาว หรือภาพโป๊ของคนรู้จัก การทำแบบนี้ถือว่าละเมิดสิทธิของบุคคลนั้นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น! ยังทำให้เขาเกิดความอับอายและถือเป็นอาชญากรรมได้อีกด้วย เว็บไซต์ stopbullying.gov ของรัฐบาลสหรัฐฯ บอกเอาไว้ว่า 
“การกลั่นแกล้งทางโลกไซเบอร์นั้น คือการส่งโพสต์หรือแบ่งปันเนื้อหาเชิงลบที่เป็นอันตรายหรือเป็นเท็จเกี่ยวกับบุคคลอื่น ซึ่งอาจรวมไปถึงการแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวที่ทำให้เกิดความอับอายขายหน้า และบางครั้งก็เข้าค่ายผิดกฎหมายหรืออาชญากรรมได้อีกด้วย”

3. ฉันต้อง “ล่าแม่มด”​
หลายคนอาจงงว่า การล่าแม่มดคืออะไร? มันก็คือพฤติกรรมเสาะหาประวัติผู้ร้ายผ่านโลกไซเบอร์ ทำทุกวิถีทางเพื่อลงทัณฑ์แม่มดร้าย หรือคนที่มีความผิดโดยละลาบละล้วงเข้าไปขุดประวัติครอบครัวของเขา หรือบางคนถึงกับแฮ็กข้อมูลมาแชร์ให้บุคคลนั้นเกิดความอับอายเข้าไปอีก เรียกได้ว่าเป็นการซ้ำเติมคนผิดเกินกว่าเหตุมากไป อย่าลืมว่า! ทุกคนล้วนมีข้อผิดพลาดในชีวิตทั้งนั้น รวมถึงตัวคุณเองก็เช่นกัน ถ้าวันนึงคุณทำผิดแล้วต้องการโอกาสแก้ตัว แต่สังคมยังตราหน้าว่าคุณไม่มีทางดีขึ้นได้ แบบนี้เท่ากับเป็นการทำร้ายชีวิตคนๆ นึงไปตลอดกาลเลย และหลายคนถึงกับต้องจบชีวิตตัวเองลงด้วยการฆ่าตัวตาย เพราะฉะนั้น! ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมจะดีที่สุด และเพราะอย่างงี้เราเลยอยากขอร้องให้คุณหยุดพฤติกรรมล่าแม่มดนี้เถอะ

4. คิดว่าตลก ก็เลยแชร์ไปงั้น! 
แค่เพียงเพราะว่ามันตลก สร้างรอยยิ้มให้กับคนหมู่มาก ไม่ได้แปลว่าจะสร้างรอยยิ้มให้กับบุคคลที่คุณนำเขามาเผยแพร่เลยนะ เราขอยกตัวอย่างขึ้นมาให้เข้าใจมากขึ้น เช่น มีผู้หญิงคนนึงร้องเพลงเพี้ยนมากก…เธอตั้งใจที่จะโพสไว้ในหน้าอินสตราแกรมเพจของเธอเท่านั้น  แต่พอคุณเห็นว่ามันตลก จึงแอบเซฟเก็บไว้แล้วแชร์ต่อ ไม่นานก็มีคนมากมายมาคอมเม้นต์และล้อเลียนเธอจนเกิดความอับอาย เห็นมั้ย? แค่พฤติกรรมเล็กๆ ที่มองว่าไม่น่าจะทำร้ายใครได้ ก็ถือว่าเป็นไซเบอร์บูลลิ่งได้เช่นกัน ครั้งต่อไปถ้าคุณเห็นว่าคลิปไหนตลกและอยากจะแชร์ต่อจริงๆ ถามความสมัครใจของเจ้าของคลิปนั้นก่อนจะดีกว่านะ ​

เรื่องของ Cyber bullying เป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญและใกล้ตัวเรามาก ถึงแม้มันจะไม่ได้สร้างบาดแผลทางกาย แต่ก็เป็นอาวุธร้ายในการทำร้ายจิตใจของคนๆ นึงให้สุดแสนจะเจ็บปวดมากเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลยล่ะ เพราะฉะนั้นเราอยากให้ทุกคนเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้สื่อออนไลน์ของตัวเอง เพื่อช่วยให้สังคมในโลกออนไลน์ของเราน่าอยู่มากขึ้น! ​
 
-->