รู้มั้ย? กลิ่นตัว... บอกโรคได้
เชื่อเถอะว่าไม่มีใครชอบการมี “กลิ่นตัว” หรอก มันเหมือนเป็นการสื่อว่าร่างกายของคนๆ นั้นสกปรก (ซึ่งจริงๆ ร่างกายคนเราก็ไม่ได้สะอาดขนาดนั้น) โดยปกติ ต้นเหตุหลักของกลิ่นคือ “เหงื่อ”การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของแบคทีเรียจะไปทำปฏิกิริยากับต่อมเหงื่อ ทำให้เกิดความอับชื้นและกลิ่น... แต่แทนที่เราจะรังเกียจกลิ่นไม่พึงประสงค์เหล่านั้น เราควรจะเริ่มดมอย่างจริงจัง เพราะกลิ่นกายมีหลายแบบ แต่ละแบบก็บอกถึงปัญหาสุขภาพแตกต่างกัน เช่น โภชนาการไม่ดี, ตับมีปัญหา หรือแม้กระทั่งการป่วยเป็นโรคเบาหวาน
งั้นเรามาดูกันดีกว่า ว่ากลิ่นตัวมีกี่แบบ แต่ละแบบบอกอะไรเราได้บ้าง
กลิ่นเหมือนอุนจิ
OMG ใครที่กลิ่นตัวแบบนี้แต่ไม่เคยตระหนักว่าเป็นปัญหา ต้องคิดใหม่แล้วล่ะ
หากใครที่มีกลิ่นตัวจนถึงลมหายใจคล้ายอุจจาระ อาจเกิดเพราะลำไส้อุดตัน ซึ่งทางการแพทย์ถือว่าอันตรายเลยทีเดียว – เกิดขึ้นเมื่อมีอุจจาระไปอุดตันที่ลำไส้เล็กหรือใหญ่ ซึ่งการอุดตันนี้ทำให้ลมหายใจมีกลิ่นคล้ายอุจจาระด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าคุณจะกินอะไรเข้าไป ยิ่งทำให้กลิ่นรุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ การที่ระบบย่อยอาหารมีปัญหาอาจเป็นต้นเหตุของกลิ่นเหงื่อที่เลวร้ายได้เหมือนกัน โดยบริเวณรักแร้จะมีกลิ่นแรงที่สุด ขณะที่อวัยวะอื่นๆ ก็ให้เหงื่อกลิ่นเดียวกัน
กลิ่นคาวเหมือนปลา
คุณอาจเป็นโรคทางพันธุกรรมที่เรียกว่าโรค Fish-Malodor Syndrome (FOS ) หรือ Primary trimethylaminuria ทำให้ปัสสาวะ เหงื่อ และลมหายใจมีกลิ่นคล้ายปลาเน่าตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งต้นเหตุของกลิ่นนี้คือสารเคมีชื่อ Trimethylamine (TMA)
นอกจากนี้ อีกสาเหตุอาจมาจากโปรตีนส่วนเกินจากอาหารที่กินเข้าไปอย่างไข่แดง เนื้อสัตว์ และถั่วหลายชนิด ซึ่งมีสาร Metabolic อยู่มาก, แบคทีเรียบางชนิด, ได้รับยาบางตัว หรือเป็นโรคตับพิการ ในส่วนของการรักษา นอกจากการกินยาปฏิชีวนะ ทาโลชั่นที่มีฤทธิ์เป็นกรด ผู้ป่วยยังต้องปรับโภชนาการด้วย
กลิ่นเหมือนขนมหวาน
ไม่ใช่เรื่องดีนะจ๊ะ เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน
การมีกลิ่นตัวคล้ายขนมหวานหรือผลไม้ เพราะในเลือดมีระดับคีโตน (ketones) มากเกินปกติ และถ้าฉี่ของคุณมีกลิ่นคล้ายๆ กันก็อาจเป็นโรคฉี่หอม หรือ Maple syrup urine disease – MSUD อยู่ก็ได้นะ นี่เป็นโรคทางพันธุกรรม ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยสลายโปรตีน ทำให้ในกระแสเลือดมีลิวซีน ไอโซลิวซีน และวาลีน มากเกินไป ซึ่งอาการอื่นๆ มีทั้งเบื่ออาหาร เซื่องซึม ชัก และอาเจียน
กลิ่นออกขม
นี่อาจเป็นสัญญาณว่า “ตับ” คุณกำลังมีปัญหา
การที่ตับทำงานไม่ปกติจะผลิตสารเคมีกลิ่นแปลกๆ ออกมา แน่นอนว่าทำให้ร่างกายคุณมีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยออกมาด้วย นอกจากนี้ยังสัญญาณอื่นๆ ที่บอกว่าตับของคุณกำลังมีปัญหา คือระบบย่อยอาหารทำงานไม่ดี และมีอาหารคลื่นเหียนบ่อยๆ ด้วย
กลิ่นเหมือนไข่เน่า
อาจสะท้อนว่าคุณกินเนื้อสัตว์มากเกินไป
เนื้อสัตว์เป็นอาหารที่ร่างกายต้องใช้เวลาในการย่อยนาน โดยเฉพาะเนื้อแดงที่มีกรดกำมะถันอยู่สูง อย่างเนื้อหมู เนื้อวัว รวมถึงเนื้อที่ผ่านการแปรรูปอย่างไส้กรอก แฮม ด้วย ซึ่งการที่เนื้อประเภทนี้ใช้เวลาในการย่อยนาน ทำให้คุณมีกลิ่นของกรดซัลฟิวริกที่คล้ายไข่เน่าโชยออกมา
กลิ่นเหมือนแอลกอฮอล์
นักดื่มและสายปาร์ตี้ทั้งหลายคงคุ้นเคยกับกลิ่นนี้ดี ยิ่งดื่มมากก็ยิ่งมีกลิ่นแอลกอฮอล์ชัดเจน
เมื่อเราดื่ม ร่างกายจะจดจำได้ว่าแอลกอฮอล์เป็นสิ่งไม่ดีแล้วพยายามทำลายให้อยู่ในรูปกรดอะซิติกซึ่งวิธีนี้จัดการแอลกอฮอล์ไปได้ราว 90% และร่างกายจะขับส่วนที่เหลือออกไป บางส่วนออกมาทางปัสสาวะ บางส่วนมากับเหงื่อและระบบทางเดินหายใจ นี่จึงเป็นกลิ่นที่มักเกิดขึ้นหลังจากเราไปปาตี้มาอย่างหนักหน่วงนั่นเอง
ถ้าเหงื่อออกมาก แถมกลิ่นแรง
จำเป็นต้องไปหาหมอเพื่อตรวจว่าเป็น Hyperhidrosis หรือภาวะที่ร่างกายขับเหงื่อออกทางผิวหนังมากผิดปกติหรือเปล่า ซึ่งภาวะนี้มีต้นเหตุได้หลายปัจจัย เช่น ระบบประสาท ต่อมไร้ท่อ การติดเชื้อ หรือแม้กระทั่งการป่วยบางโรค มักเกิดกับคนที่สุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้ภาวะอารมณ์และความร้อนอาจกระตุ้นให้เกิดภาวะนี้ได้เหมือนกัน
ทว่าบางคนก็เหงื่อออกเยอะแม้จะไม่ได้เครียดหรืออยู่ในที่อากาศร้อน โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ขาหนีบ และเท้า
เรื่องของ "กลิ่นตัว" อาจไม่ใช่เรื่องที่เอามาพูดกันสักเท่าไหร่ แต่ลองเริ่มสังเกตกลิ่นของตัวเองและคนใกล้ตัวดูสักหน่อย เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายเรากำลังผิดปกติอยู่ก็ได้นะ