ตัดเล็บผิดวิธีอยู่หรือเปล่า? นี่คือวิธีการตัดเล็บที่ถูกต้อง จากเเพทย์ชาวญี่ปุ่น

เล็บเป็นอีกส่วนสำคัญที่เราควรดูแลให้สะอาดสะอ้านอยู่เสมอ เพราะนอกจากเสื้อผ้าหน้าผมแล้ว เล็บนี่ล่ะที่สามารถบ่งบอกถึงความใส่ใจในการดูแลตัวเองได้เหมือนกัน เคยสังเกตไหมว่าแต่ละคนมีวิธีการตัดเล็บในทรงที่แตกต่างกันไป ทั้งแบบโค้ง แบบตรง แต่วิธีที่ถูกต้องจริงๆ แล้วคือแบบไหนกันแน่?



รู้จักหน้าที่ของ "เล็บ" กันซะหน่อย
เล็บมีหน้าที่ช่วยปกป้องปลายนิ้วของเราจากอันตราย โดยปกติแล้วเล็บจะยาวขึ้นเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 มิลลิเมตร ทำให้ใครหลายคนชอบตัดเล็บให้สั้นที่สุด เพราะคิดว่าจะได้ไม่ต้องตัดเล็บบ่อยๆ แต่ความจริงแล้วนั่นเป็นการตัดเล็บที่ผิด นายแพทย์ Masataka Saito แพทย์ผิวหนังจาก Keio University Hospital กรุงโตเกียว ได้ออกมาแนะนำ 4 วิธีการตัดเล็บที่ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพผิวหนังที่เกิดจากการตัดเล็บผิดวิธี ดังนี้


1# ควรตัดเล็บหลังอาบน้ำเสร็จ 
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เล็บของเราจะมีความอ่อนนุ่มและง่ายต่อการเล็มด้วยกรรไกรตัดเล็บ ซึ่งขนาดของกรรไกรก็ควรเป็นขนาดที่พอดี ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป 

2# ตัดทีละนิด เริ่มจากปลายเล็บ ลดปัญหาเล็บฉีก
อย่าเพิ่งดันกรรไกรตัดเล็บเข้าไปตัดด้านในสุดก่อน ให้เริ่มตัดจากปลายแล้วค่อยๆ เล็มออกทีละนิด ไม่อย่างนั้นเล็บอาจฉีกและเกิดการบาดเจ็บได้ 

3# ตัดให้ความยาวพอดีกับปลายนิ้ว 
หน้าที่ของเล็บคือการปกป้องปลายนิ้วที่บอบบางของเรา หากตัดให้สั้นกว่า ปลายนิ้วของเรามีโอกาสเสียดสีกับรองเท้าที่ใส่ทั้งวัน อาจเกิดอาการบวม หรืออาจทำให้เล็บที่กำลังงอกใหม่บิดเบี้ยวผิดรูปได้ เป็นสาเหตุของอาการเล็บขบที่สร้างความเจ็บปวดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว 

4# ตัดเป็นแนวตรง ไม่ตัดมุมเล็บให้โค้งเข้าหาเนื้อ
ใครที่ชอบตัดเล็บทรงโค้งแบบที่ว่าไม่เหลือมุมเล็บเลย...ฟังทางนี้ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เล็บงอกใหม่ทิ่มไปที่ซอกเล็บและกลายเป็นเล็บขบได้ ซึ่งอาการเล็บขบนอกจากสร้างความเจ็บปวดแล้ว มันสามารถอัพเลเวลกลายเป็นหนองอักเสบจนถึงขึ้นถอดเล็บเลยนะ แค่คิดก็เจ็บแปร๊บแล้ว! 

และนี่คือวิธีการตัดเล็บที่ถูกต้อง ที่สามารถใช้ได้ทั้งเล็บมือและเล็บเท้า แต่สำหรับเล็บเท้าจะค่อนข้างซีเรียสกว่า เพราะมักจะถูกเสียดสีอยู่ในรองเท้าเป็นประจำ เป็นยังไงล่ะ! อย่ามองว่าการตัดเล็บเป็นเรื่องเล็กๆ เพราะความจริงแล้วมันสามารถสร้างปัญหาใหญ่ให้กับชีวิตเราได้ เพียงแค่เราดูแลเล็บให้สะอาด ตัดเล็บให้ถูกวิธี แค่นี้ก็ไม่ต้องทรมานกับอาการบวมอักเสบหรือเล็บขบแล้วล่ะ