จะดีแค่ไหนถ้า 'การกิน' ของเราสามารถช่วยโลกได้จากวิกฤตสิ่งแวดล้อม?

เราว่าการกินเพื่อลดน้ำหนัก ให้หุ่นสวยสุขภาพดีและห่างไกลโลกเป็นเรื่อง “เชย” ไปแล้วล่ะ เพราะเมื่อไม่นานมานี้เราเพิ่งได้ยินข่าวว่าบล็อคเกอร์ด้านอาหารชื่อดังหันมากินมังสวิรัติเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่กำลังโหมปะทุอยู่ตอนนี้... ถ้าคุณอยากช่วยโลกด้วยการกินบ้าง แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เราขอแนะนำ Planetary Health Diet

ผู้อยู่เบื้องหลังการกินแบบนี้คือคณะกรรมการเอเอที-แลนเซ์ท (EAT-Lancet) เป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโภชนาการ การเพาะปลูก และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก มารวมตัวกันเพื่อช่วยกันออกแบบ Planetary Health Diet โดยบอกว่ามีประโยชน์ 3 ด้านคือ

1) ช่วยให้ประชากรโลกที่เผชิญวิกฤตขาดแคลนอาหาร สามารถเข้าถึงอาหารได้มากขึ้น

2) ช่วยลดอัตราการเกิดโรคอ้วน

3) ช่วยป้องกันการทำลายสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

แค่เปลี่ยนการกิน จะช่วยโลกได้ยังไง

จากการรายงานขององค์การสหประชาชาติบอกว่าภายในปี 2050 ประชากรโลกจะพุ่งไปถึง 9.8 พันล้านคน นำมาซึ่งความกังวลว่าอาหารที่โลกเราผลิตได้จะเพียงพอต่อทุกคนหรือเปล่า ด้านสื่อดังอย่าง The Guardian บอกว่าการผลิตอาหารเป็นต้นเหตุให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 1 ใน 3 ของโลก ตั้งแต่ขั้นตอนของการเพาะปลูก แปรรูป ขนส่ง จัดเก็บ ไปจนถึงขยะอาหาร รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพในดินและการสูญเสียดิน แต่กลับมีการเพิ่มขึ้นของมลภาวะทางน้ำและอากาศ

ขณะเดียวกันก็ยังมีความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงอาหาร เพราะขณะที่ประเทศหนึ่งมี “โรคอ้วน” เป็นปัญหาระดับชาติ แต่อีกหลายประเทศกลับเจอภาวะความอดอยากหรืออาหารไม่มีคุณภาพ... Planetary Health Diet จึงเป็นทางออก เพราะ ดีต่อสุขภาพ ราคาไม่สูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า

ต้องกินแบบไหน ให้โลกน่าอยู่ขึ้น

หลักการง่ายๆ คือ “ลด” การกินเนื้อสัตว์และน้ำตาลลงครึ่งหนึ่ง “เน้น” โปรตีนจากพืช และ “เพิ่ม” การกินผัก ผลไม้ ถั่วและธัญพืชเป็นสองเท่า หากเป็นผลิตภัณฑ์จากข้าวหรือแป้งก็เลือกแบบไม่ขัดสี
 

วิลเตอร์ วิลเว็ต หนึ่งในคณะกรรมการเอเอที-แลนเซ์ท บอกว่า เป้าหมายของการกินแบบนี้ ไม่ใช่การให้ทุกคนอดอาหาร แต่คือการกินเพื่อสุขภาพ เพื่อให้ได้รสชาติที่แท้จริง และเพื่อความสุขที่ยั่งยืน... ถ้าเราช่วยกันทำ จะสามารถช่วยชีวิตคนกว่า 11 ล้านคนที่ต้องเสียชีวิตในแต่ละวันเพราะการกินอาหารไม่ดีต่อสุขภาพได้

 

ถ้าทุกคนช่วยกันละคน 1-2 มื้อ นอกจากทำให้สุขภาพของคนทั้งโลกดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดวิกฤตก๊าซเรือนกระจก และวางระบบที่เอื้อให้เกิดประโยชน์และความเป็นธรรมกับทุกคน