ชีวิตคิดบวก ด้วยการขอบคุณตัวเองทุกวัน
การขอบคุณ ถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่งที่เราถูกสอนกันมาตั้งแต่เด็กเพื่อส่งตอบความขอบคุณอย่างจริงใจให้ “ผู้อื่น” จนกลายเป็นสิ่งดีๆ ที่เราทำกัน แต่จะมีสักกี่ครั้งที่เราลองหันมาพูดขอบคุณกับ “ตัวเอง” กันบ้าง? โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่จิตใจเราอาจจะบอบช้ำและแตกสลายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ฉะนั้นการขอบคุณตัวเองก็อาจจะช่วยกระตุ้นจุดดีๆ เล็กๆ ในชีวิตเราได้ ซึ่งก็มีวิธีง่ายๆ ในการฝึกขอบคุณตัวเอง ตามนี้เลย1. ขอบคุณตัวเองให้มากขึ้น
การคิดถึงสิ่งดีๆ แม้จะจับต้องไม่ได้ แต่กลับมีพลังในการเยียวยาจิตใจของเราได้อย่างน่าเซอร์ไพรส์ ซึ่งจะเห็นได้จากผลการศึกษาในปี 2016 ที่พบว่าผู้ที่เข้ารับการทำจิตบำบัดไปพร้อมๆ กับการเขียนจดหมายแสดงความขอบคุณให้กับคนที่พวกเขาไม่เคยขอบคุณมาก่อน มีสุขภาพจิตโดยรวมดีขึ้น และมีอารมณ์เชิงลบต่ำกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้เขียนจดหมายแสดงความขอบคุณ และผู้ที่เอาแต่เขียนจดหมายเครียดๆ เพียงอย่างเดียว
เพราะฉะนั้นถ้าการเขียนจดหมายขอบคุณให้คนอื่นยังทรงพลังมากมายขนาดนี้ งั้นเราก็ลองหันมาขอบคุณตัวเองกันบ้าง จะช่วยทำให้เรามองโลกในแง่บวกมากขึ้น รู้สึกดีกับตัวเอง และยังช่วยเพิ่มความหมายในการใช้ชีวิตให้เราได้อีกด้วยนะ
2. ฝึกชื่นชมและให้กำลังใจตัวเองกันหน่อย
ด้วยการพูดดีๆ กับตัวเองในแบบเดียวกับที่เราชมคนอื่นนั่นแหละ และถ้าพูดครั้งเดียวมันไม่พอ ก็พูดย้ำๆ ไปเลย เพราะการพูดสิ่งดีๆ กับตัวเองซ้ำๆ คือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการกำหนดสิ่งที่เราจะพูดกับตัวเอง ซึ่งมีประโยชน์มากในการสร้างคุณค่าให้ตัวเอง และถ้าใครนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร เรามีเซตคำพูดดีๆ ไว้พูดกับตัวเองในทุกๆ เช้ามาให้
ฉันรักตัวเอง ไอ้เรามันก็คนน่ารักซะด้วย ก็รักไปเลยละกัน
- เก่งนะเนี่ย ที่พาตัวเองมาได้ไกลขนาดนี้
- ฉันมีคุณค่า ไม่มีสิ่งใดมาลดคุณค่าฉันได้
- ฉันทำได้! วันนี้ยังทำไม่ได้ วันหน้าก็ต้องได้
- ฉันเชื่อมั่นในตัวเอง ฮึบ แล้วมั่นใจไว้
- ฉันเคารพตัวเอง อะไรแย่ๆ เข้ามาก็ไม่ต้องเก็บมาคิด
- ฉันคู่ควรกับความสำเร็จ สิ่งใดที่ทำอยู่มันต้องเป็นจริงให้ได้!
3. “เขียน” เรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในทุกๆ วัน
อาจจะฟังดูเคอะเขินนิดหน่อย แต่การเขียนเพื่อชมตัวเองก็นับเป็นวิธีที่ได้ผลและนักจิตบำบัดแนะนำให้ทำกันมานานแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่ความเครียดมันถาโถมหรือพร้อมจะรุมเร้า การเขียนเพื่อขอบคุณตัวเองก็ตอบโจทย์ได้ดี ซึ่งการเขียนก็มีหลาย template ให้เลือกเยอะมาก เช่น
- เขียนยาวๆ เป็น Paragraph ถ้าวันนั้นมันมีเรื่องน่ายินดีหรืออะไรให้อยากระบายก็จัดมาเลย เช่น “วันนี้ออกจากบ้านไปทำงานเจอท้องฟ้าสีฟ้าครามด้วยล่ะ ระหว่างทางเดินเจอป้าขายหมูปิ้งร้านประจำ ก็แวะเข้าไปซื้อสักหน่อย ป้าแกชมว่าสวยกว่าทุกวัน ทีนี้ก็เขินเลย บลาๆๆ..” อะไรทำนองนี้
- เขียนเป็น Bullet points ถ้าขี้เกียจเขียนแบบยาวๆ ก็เปลี่ยนเป็น ลิสต์มาทีละข้อแทน เช่น
- งานวันนี้ดีมาก
- เพื่อนร่วมงานชมว่าน้ำหอมกลิ่นดี
- ขอบคุณตัวเองที่เริ่มอ่านหนังสือที่ดองไว้สักที
- เขียนฟรีสไตล์ คือไม่ต้องเคร่งเรื่องรูปแบบ เขียนแบบมั่วๆ ไปเลย อะไรที่แวบเข้ามาในหัวก็จดลงไปก่อน ชิวๆ
4. พาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ที่ดีต่อใจ
สำนวน “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” นี้ไม่ไกลเกินจริง เพราะการคบคน ถ้าพลาดไปนิดเดียวก็แทบจะทำชีวิตพังเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าอยากให้ชีวิตเราสดใส ก็ต้องเลือกคบคนดีๆ คนที่พร้อมซัพพอร์ตเรา คนที่ทำให้เรามีชีวิตที่สดใส และคนที่สนับสนุนให้เราเป็นเราในเวอร์ชันที่ดีขึ้น ว่าแล้วก็ไปหาเพื่อนแบบนี้กันเถอะ
5. กำหนดขอบเขตของตัวเอง
บางครั้งความประสาท (แดก) มันก็บั่นทอนเราเกินไป กำลังใจก็ถดถอยลงแน่ๆ ฉะนั้นการตั้งขอบเขตของตัวเอง กำหนดว่าอะไร “ทำได้” อะไร “ไม่ควรทำ” จะเป็นการสร้างเกราะ และอาวุธชั้นดีเพื่อปกป้องความสงบในชีวิตของเรา คล้ายๆ กับเทคนิคการพูดว่า “ไม่” ที่ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น ในบทความที่ Health Addict เคยเขียน ถ้าใครสนใจก็ไปตามอ่านกันอีกครั้งได้ที่นี่
หลายครั้งที่เราทำร้ายตัวเองด้วยการทนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ฉะนั้นการชื่นชมและขอบคุณตัวเอง คือหนึ่งในกระบวนการในการกำจัดพลังลบที่ดีที่สุด เติมเต็มพลังบวกที่มีชีวิตชีวา และสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งไว้กันเราออกจากสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่เคยเจอะเจอ