จิตวิทยา 8 ข้อ ทำไมยอมทนอยู่กับรักแย่ๆ

ความสัมพันธ์ที่ Toxic ทำไมเราถึงยังทน หรือที่ยอมอยู่เพราะเกิดจากรักแท้หนึ่งเดียวที่มีให้เขาล้วนๆ เลยหรือเปล่า? ถ้าใครมาเห็นประโยคนี้ก็อยากจะกรอกตามองบนแล้วตะโกนใส่หน้าว่า “พักก๊อนนน” อาการหลงรักหัวปักหัวปำแบบนี้แท้จริงแล้วไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่เป็น เพราะผลสำรวจจากบริษัทวิจัยการตลาด Yougov ได้เคยสำรวจชาวอังกฤษจำนวน 2,031 คนเกี่ยวกับความสัมพันธ์แย่ๆ ปรากฎว่า 

61% ของคนที่ตอบแบบสอบถามยังยอมอยู่ในความสัมพันธ์รักมานานเกินกว่าที่ควรจะเป็น
37% ไม่ยอมเลิก ทั้งที่ในใจแบกรับความเจ็บปวดไม่ไหวแล้ว
23% รู้ว่าอีกฝ่ายโกหก แต่ก็ยังยอมอยู่ในความสัมพันธ์นี้ต่อไป
และมีเพียง 6% เท่านั้นที่กล้าหาญพอจะเดินออกมาจากความสัมพันธ์ถ้ารู้สึกมันไปต่อไม่ไหว



โห นี่ขนาดสำรวจเฉพาะอังกฤษยังเยอะขนาดนี้ ลองคิดดูว่าถ้าสำรวจทั้งโลกจะขนาดไหน และสาเหตุที่ทำไมเราถึงยังยอมอยู่ในความสัมพันธ์แย่ๆ ต่อ ก็สามารถอธิบายได้ด้วยหลักจิตวิทยา 8 ข้อ ตามนี้เลย

1. เพราะกลัวการอยู่คนเดียว คิดว่ามีแฟนยังไงก็ดีกว่าอยู่คนเดียวแน่ๆ
มักมาพร้อมกันความรู้สึกกลัวความโดดเดี่ยว ให้คุณค่าในตัวเองต่ำ และแรงขับเคลื่อนในความสัมพันธ์ยังคงอยู่ แม้รักนั้นจะพังพินาศไปแล้วก็ตาม แต่เมื่ออยู่ไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่าการคบกับคนที่เข้ากันไม่ได้ยังไงก็เข้ากันไม่ได้ เพราะเราจะรู้สึกไม่ได้รับความรัก ความห่วงใยจากอีกฝ่ายกลับมาในแบบที่เราต้องการ

2. ความสัมพันธ์ก่อเป็นความผูกพัน แต่พอมัน Toxic ก็ยากที่จะปล่อยมันไป
ผู้ใหญ่ที่เติบโตมากับพ่อแม่ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้หรือความต้องการในวัยเด็กไม่เคยได้รับการเติมเต็มจะมีแนวโน้มคบหากับคนที่มีปัญหาแบบเดียวกันในตอนโต เพราะเบื้องหลังชีวิตที่คล้ายกันจึงดึงดูดเข้าหากัน

และด้วยภูมิหลังในวัยเด็ก สมองเราจึงเชื่อมโยงความรักกับความวุ่นวายเข้าไว้ด้วยกัน พอโตขึ้นเราจึงคิดปรุงแต่งไปต่างๆ นานาว่าความรักครั้งใหม่มันจะต้องต่างไปจากเดิม แต่พออะไรๆ ไม่เป็นไปดั่งหวังอยากจะเลิกราก็ยาก เพราะความผูกพันมันรั้งเราไว้แทน จึงยากที่จะยอมปล่อยไป

3. เราใช้เวลาและพลังกับความสัมพันธ์มากไป จนเหนื่อยที่จะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ๆ
อธิบายง่ายๆ ถ้าเราลงทุน ลงแรงกับอะไรมากๆ แล้วทุกอย่างมันกำลังจะพังลงไปต่อหน้าเป็นใครมันก็คงอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันทั้งนั้น ไหนๆ ก็ลงแรงไปแล้วก็อยู่ต่อเลยละกัน ทั้งที่ความจริงการเริ่มต้นใหม่ (กับคนใหม่) อาจดีกว่า

4. ตั้งความหวังกับอีกคนมากไป จนลืมดูความจริงตรงหน้าว่าเขา “ไม่เคยเป็นคนที่ใช่”
การตั้งความหวังกับแฟนของเราคือสารตั้งต้นชั้นเยี่ยมในการสร้าง ‘ความผิดหวัง’ เราหวังว่าซักวันหนึ่งเขาจะดีขึ้นในหลายๆ อย่าง แต่นั่นกลับทำให้เป็นเหมือนเส้นผมบังภูเขาที่ทำให้เราไม่เห็นสัญญาณอันตรายว่าเขาอาจเป็นคนที่ ‘ไม่ใช่’ กว่าจะรู้ความจริงว่าเขาไม่ใช่คนที่คู่ควร อะไรมันก็คงสายไปแล้ว

5. เอาคุณค่าในตัวเองไปยึดติดกับความสัมพันธ์มากเกินไป
คุ้นๆ วลีที่ว่า “เมื่อเรารักตัวเองมากพอ รักที่ดีจะตามมาเอง” ไหม นั่นแหละคือคอนเซปต์ เมื่อเอาคุณค่าในตัวเองไปยึดติดกับความสัมพันธ์เกินไป เวลาเราจะทำอะไรที่อยากทำหรือตั้งใจที่จะทำ เราก็มัวแต่พะว้าพะวังว่าอีกคนจะเป็นยังไงจนคุณค่าในตัวเองลดลงเรื่อยๆ และความสัมพันธ์ก็กลายเป็นพิษแทน

6. ไม่มีเธอ ชีวิตฉันก็ไร้ความหมาย
ดูเป็นวลีที่น่าจะมีได้แค่ในหนัง หรือในบทกวีนิยายอะไรซักอย่าง แต่จะบอกว่าเรื่องแบบนี้มีอยู่จริงๆ เพราะถ้าเราเป็นคนที่เดิมที่เหมือนไร้ตัวตนหรือไม่มี Support system ในตัวเองอยู่แล้ว การออกจากความสัมพันธ์อาจทำให้เรารู้สึกค้นหาตัวเองไม่เจอไปเลยก็ได้ พยายามหาอะไรที่เป็นความฝันเราจริงๆ มาตั้งเป้าดู หรือออกไปทำกิจกรรมใหม่ๆ อาจพอช่วยได้บ้าง

7. มักรับบทคนที่ต้องทุ่มทุกอย่างในความสัมพันธ์และต้องสู้เพื่อตัวเองอยู่เสมอ
โดยเฉพาะคนที่เติบโตมาในครอบครัวมี่มีความขัดแย้งสูง ไม่อยู่กับร่องกับรอยหรือเป็นเด็กที่ต้องรับผิดชอบอะไรหลายอย่างตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อโตขึ้นก็มักได้รับบทคนที่ต้องประคับประคองความสัมพันธ์เอาไว้เสมอ เพราะมันคือความเคยชินที่ทำมานาน และเป็นความชอบที่ได้ทำแบบนั้น พอความสัมพันธ์เป็นพิษก็ยากที่จะบอกเลิกและมูฟออน

8. คิดไปเองเสมอว่าวันนี้แย่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับมาดีกันใหม่
ในทุกๆ ความสัมพันธ์ก็ย่อมมีจุดสูงสุด-ต่ำสุดของแต่ละคู่กันทั้งนั้น เพียงแต่เราไม่รู้ว่าในอนาคตจุดสูงๆ ต่ำๆ นี้จะมาอีกเมื่อไหร่ และถ้าจุดสูงสุดมันมาถึงเราก็อาจตื่นเต้นและดีใจที่จะได้มีโมเมนต์นี้อีก ซึ่งจุดนี้จะทำให้เรามองข้ามปัญหาที่ถูกซุกไว้ใต้พรม เพราะเรายังหวังว่าเดี๋ยววันอื่นๆ ก็กลับมาดีกันใหม่เองนั่นแหละ

ถ้าท้ายที่สุดแม้เราจะพยายามประคับประคองความสัมพันธ์เอาไว้มากแค่ไหน แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกก็ยังเป็น ‘เสียงของหัวใจ’ เราเอง เมื่อถึงจุดนั้นแล้วคำตอบของทุกอย่างคือการยุติความสัมพันธ์ลง เราก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต่างต้องบอกลากัน แล้วเดินหน้ามูฟออนต่อไปเพื่อสิ่งที่ดีกว่า

อ้างอิง : https://bit.ly/3qWhZh1
-->