เลิกงานไม่เป็นเวลา ทำงานหนักจนเป็นหมีแพนด้า แถมไม่ได้ออกไปสังสรรค์ที่ไหน ถามว่าเครียดไหม… ตอบชัดๆ ตรงนี้เลยว่าเครียด! พอเครียดแล้วยังไง ปวดท้อง นอนไม่หลับ ระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ แต่บอกเลยว่าความเครียดไม่ได้ส่งผลกระทบแค่การทำงานของระบบภายในร่างกายเท่านั้นนะ แต่ยิ่งคุณเครียด… ผิวคุณก็เครียดไม่แพ้กัน

 

Neera Nathan คุณหมอผิวหนังจาก Massachusetts General Hospital และ Lahey Hospital and Medical Center อธิบายว่า โดยปกติแล้วผิวของเราก็มีความเชื่อมโยงกับอารมณ์และความรู้สึกอยู่แล้ว สังเกตได้จากการที่เราหน้าแดงเมื่อรู้สึกเขินอาย ขนลุกหรือเหงื่อออกมากเมื่อรู้สึกตื่นเต้น ความเครียดก็เช่นกัน เมื่อเราเครียด สมองก็จะกระตุ้นการหลั่งคอร์ติซอลและฮอร์โมนต่างๆ เพิ่มมากขึ้น กลไกของร่างกายมักเข้าใจว่าความเครียดเหมือนการอักเสบชนิดหนึ่ง จึงมีการผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันออกมาเพื่อเยียวยาการอักเสบที่เกิดขึ้น และเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ถูกกระตุ้นออกมามากเกินความจำเป็นนี่แหล่ะ ที่ทำให้ร่างกายเสียสมดุล กระตุ้นให้ผิวเครียด (Psychodermatology)เกิดการอักเสบ เป็นผื่น ระคายเคือง เป็นสิว ติดเชื้อได้ง่ายนั่นเอง

 

ปัญหาแบบนี้… ที่บ่งบอกว่าผิวเครียด

เพราะความเครียดส่งผลโดยตรงต่อความสมดุลของผิวชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น จึงทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน ขณะเดียวกันความเครียดก็ไปกระตุ้นให้ต่อมเหงื่อทำงานผิดปกติ หลั่งเหงื่อออกมามากจนเกินไป ผิวก็ยิ่งขาดความชุ่มชื้นนั่นเอง
 

พอผิวแห้งมากๆ แล้วยังไง ร่างกายอันชาญฉลาดของเราก็จะเร่งกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตไขมันมาเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น ทีนี้ก็เกิดเป็นความมันส่วนเกิน รูขุมขนอุดตัน หน้ามันเยิ้ม อันเป็นเหตุให้สิวอักเสบมาเยือน
 

อย่างที่บอกไปแล้วว่าเมื่อเราเครียด สมองก็จะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มมากขึ้น ทำให้เซลล์ผิวหนังอ่อนแอลง จึงสามารถติดเชื้อได้ง่าย ทำให้ผื่นขึ้น ผิวหนังลอก แดง คัน โดยมักจะเกิดขึ้นบริเวณคอ หน้าอก และท้อง และในบางคนอาจลุกลามไปเป็นผื่นผิวหนังอักเสบ หรือสะเก็ดเงินได้
 

ความเครียดไม่ได้ส่งผลกับแค่ฮอร์โมนเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นการสร้างเม็ดสี (Melanin) ให้เพิ่มมากขึ้น จนเกิดการสะสมในผิวหนังมากกว่าปกติ ทำให้หน้าหมอง เกิดปื้นสีน้ำตาล กลายเป็น ฝ้า กระ ตามผิวหนังนั่นเอง ฉะนั้นแม้จะ WFH ไม่ได้ออกไปเผชิญรังสี UV แต่ถ้าเครียดสะสมแบบนี้ ก็ผิวหมองคล้ำได้ไม่ต่างกัน
 

ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นสะสมยังทำให้ริ้วรอยถามหาก่อนวัยด้วยนะ โดยความเครียดก็เป็นอีกตัวการสำคัญ ที่ไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนแห่งความหนุ่มสาว หรือ โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ทำให้การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของผิวบกพร่องไป เรียกได้ว่าความเครียดมีแต่ผลเสียทั้งกับสภาพจิตใจ ร่างกาย ไปจนถึงผิวพรรณเลยทีเดียว

 

How to รับมือกับผิวเครียด…อย่างตรงจุด

# ไม่อยากให้ผิวเครียด… ก็ต้องไม่เครียด
จัดการกับความเครียดเป็นสิ่งแรกที่ควรทำ แม้ปากจะบอกว่าไม่เครียด แต่ร่างกายไม่เคยโกหก ถ้าการล็อคดาวน์ หรือการ WFH ทำตารางชีวิตคุณรวนจนป่วนไปหมด ก็ต้องมาจัดไทม์ไลน์กันใหม่ กำหนดให้ชัดตั้งแต่เวลาตื่น เวลากิน เวลาทำงาน เวลาพักผ่อน ไปจนถึงเวลาเข้านอน พยายามอย่าให้การทำงานมารบกวนส่วนอื่นของชีวิต หาเวลาผ่อนคลาย จิบกาแฟ ฟังเพลง ดูซีรีส์ เปิดรับสิ่งดีๆ เบาสมอง ถ้าวันไหนลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วยังรู้สึกล้า นั่นแหล่ะแปลว่า… คุณยังเครียดและพักผ่อนได้ไม่เพียงพอ

# พบหมอผิวหนัง… หยุดคันแน่นอน
ถ้าอาการคัน หรือร่องรอยจากผิวเครียด มันรบกวนจิตใจ รบกวนการใช้ชีวิต การปรึกษาแพทย์ผิวหนังคือคำตอบ! เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้กว่าจะหายอาจจะยิ่งรบกวนจิตใจทำให้เครียดยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าการลดความเครียดจะเป็นการแก้ปัญหาจากต้นตอ แต่ร่างกายก็ต้องอาศัยระยะเวลาในการฟื้นฟู ฉะนั้นถ้าการรักษาทางการแพทย์เพื่อระงับอาการที่เป็น ควบคู่กับการผ่อนคลายความเครียดก็จะยิ่งช่วยให้ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

# อยากให้ผิวเป็นอย่างไร… กินตามนั้น
อยากให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ก็ให้ดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย อยากลดปัญหาสิวอักเสบ ก็ต้องลดการบริโภคหวาน มัน ของหวานที่ดีต่อใจ แต่ถ้าส่งผลให้ระคายผิวก็ต้องยอมลดปริมาณ อยากผิวสุขภาพดี ก็ต้องเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัว กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานผักผลไม้เป็นประจำ หรือถ้าจะให้ตรงจุดก็ง่ายๆ แค่ลองให้ LAVITA S.K.VIIT เป็นตัวช่วย แค่วันละแคปซูลหลังอาหารเช้าก็จะช่วยให้คุณมีผิวพรรณแลดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี แถมยังช่วยยับยั้งการสร้างและปรับเม็ดสีผิวให้สม่ำเสมอ แลดูขาวกระจ่างใส เรียบเนียน ปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายจากแสงแดด รวมถึงควบคุมและปกป้องผิวที่อาจสูญเสียความชุ่มชื้นจากความร้อนและสภาพอากาศด้วยนะ