กอดฟรี ดีกรีพลังบวก

“กอดฉันให้นานๆ ได้ไหม เป็นสิ่งสุดท้ายเพื่ออำลา....”
ใครที่อายุเลข 4 ขึ้นน่าจะพอคุ้นกับท่อนหนึ่งของเพลง ‘กอดฉัน’ นี้
แต่ทำไม? ถึงต้องมากอดกันตอนจากลาด้วยล่ะ ทั้งๆ ที่การกอดก็เป็นสิ่งที่ทำได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ทำได้ง่ายและแสนมีพลัง

สังเกตไหมว่า ตอนเราเด็กๆ จะชอบให้พ่อแม่หรือคนเลี้ยงกอด เพราะนั่นคือสัญชาตญาณที่ทำให้รู้สึกมีความมั่นคงทางอารมณ์ ได้รับการปกป้องดูแล การกอดทำให้หัวใจของคนกอดและผู้ถูกกอดอยู่แนบชิดกัน เสียงหัวใจเต้นของพ่อแม่ที่ลูกรับรู้ได้แม้ขณะหลับในออมกอดก็สร้างความรู้สึกปลอดภัยเหมือนว่ายังอยู่ในครรภ์มารดาคล้ายกับว่ามีเสียงหัวใจของแม่กล่อมนอนเลยทีเดียว
 
พอเราโตขึ้น... การกอดกลับเริ่มห่างตัวไปทุกที เพราะสังคมไทยเองยังเหนียมอายกับการแสดงความรักด้วยการกอด หรืออาจเป็นเพราะบ้านเราอากาศร้อนทำให้ไม่สะดวกใจที่จะเอามือเอาแขนมาถูกเนื้อต้องตัวกัน ความอ้างว้างภายในจิตใจจึงค่อยๆ สั่งสม ต่อเมื่อมีการจากลาหรือเกิดความเจ็บป่วย การให้กำลังใจด้วยการกอดก็จะกลับมาในระยะเวลาเพียงสั้นๆ การกอดแบบนี้เป็นเสมือนการเติมเต็มให้ความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวหวาดกลัวภายในจิตใจลดลง เมื่อได้รับการกอดความรู้สึกว่ายังเป็นคนสำคัญ มีคุณค่า และมีความหมายก็จะกลับมา แต่เราจะรอให้ถึงวันแบบนั้นก่อนค่อยกอดกันหรือ? ทั้งๆ ที่....
 
การกอดเป็นของฟรี ทำที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้
เพราะนอกจากจะช่วยให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น มั่นคง ผ่อนคลาย ไว้วางใจ เป็นที่รัก ในหลายโอกาสยังช่วยละลายความอัดอั้นตันใจ มีการวิจัยพบว่า... การสัมผัสจากการกอดช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดให้ต่ำลง ช่วยลดความซึมเศร้า ความกระวนกระวาย แถมยังลดอัตราการเต้นของหัวใจและช่วยให้หลับสนิทได้ดีขึ้น ทั้งยังดีกับตัวผู้กอดเอง โดยทำให้จิตใจมีความอ่อนโยน มีความเมตตา และมีความรู้สึกบวกกับผู้คนรอบข้างมากขึ้น
 
ทำอย่างไรดี ถ้าเขินอายที่จะกอด
ลองคิดดูว่าการกอดเป็นเรื่องธรรมชาติที่เราก็คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ดึงความรู้สึกดีๆ นั้นกลับมา เพราะมันจะดีทั้งกับตัวเราและตัวผู้ถูกกอด แรกๆ ผู้ถูกกอดอาจจะมีอาการปฏิเสธเพราะความไม่คุ้นเคย แต่เชื่อเถอะว่าลึกๆ แล้วใครๆ ก็อยากถูกกอด ทำบ่อยๆ เข้าก็จะคุ้นเคย และสัมผัสได้ถึงความสุขจนทำให้ความเคอะเขินนั้นหายไปเอง
 
กอดอย่างไรให้รู้สึกดี
วิธีกอดที่ดีควรให้แขนและมือสัมผัสที่แผ่นหลังของคนที่เรากอด ไม่ต้องเอามือหรือแขนของตัวเองสัมผัสหรือจับกันเพราะมันจะกลายเป็นการรัดทำให้คนถูกกอดรู้สึกอึดอัดใจ ควรใช้เวลาถ่ายทอดความรู้สึกดีๆ แบบไม่ต้องรีบร้อน จนเมื่อรู้สึกว่าโอเคแล้วค่อยละแขนออกช้าๆ ขณะกอดไม่จำเป็นต้องโยกตัว ตบหลังหรือลูบหลัง เพราะเป็นภาษากายที่อาจทำให้ผู้ถูกกอดรู้สึกว่ากำลังได้รับการปลอบใจ คล้ายๆ ถูกแสดงอำนาจที่เหนือกว่าจนถึงขั้นเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจได้
 
เอาล่ะ! มาถึงจุดนี้ถ้ายังเขินอายที่จะกอดคนใกล้ตัว ก็ลองกอดน้องหมาน้องแมวหรือกอดตุ๊กตาที่บ้านซ้อมไว้ก่อน เมื่อมีจังหวะดีๆ จะได้หันมากอดคนใกล้ตัวได้อย่างไม่เคอะเขิน... แล้วคุณจะรู้ว่า กอดนี้ช่างมีพลังที่แสนวิเศษ!!

 
-->