เซลล์ซอมบี้ เซลล์อมตะ ฆ่าไม่ตาย แถมทำร่างกายทรุด

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทุกคนคงเคยเห็นหนังแนวซอมบี้งับๆๆ กัดเลือดสาดแล้วกลายร่างเป็นผีดิบออกไล่กินคนมาไม่น้อย รวมถึงในชีวิตจริง เราก็ได้รู้จักกับสัตว์ซอมบี้ที่เกิดจากการติดเชื้อจนพฤติกรรมของพวกมันเปลี่ยนไปก็มี ซึ่งในร่างกายของคนเราเองก็มีซอมบี้เหมือนกัน แค่ไม่ใช่เชื้อซอมบี้จากภายนอก แต่เป็นเซลล์ตัวเราเองเนี่ยแหละที่กลายร่างเป็นซอมบี้

Senescent Cells

เมื่อเซลล์ทั่วไป…ถูกกำหนดวันตุยอย่างชัดเจน
ก่อนจะไปดูว่าเซลล์ซอมบี้มาจากไหน เราต้องมาดูกันก่อนว่าปกติแล้วเซลล์ทั่วๆ ไปตายยังไง? โดยปกติแล้วเซลล์ในร่างกายของเราจะมีอายุขัยที่ชัดเจนขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ตัวเองสังกัดอยู่ตามที่ถูกโปรแกรมมา เช่น เซลล์ลำไส้จะมีอายุอยู่ที่ 2-3 วัน เนื่องจากต้องสัมผัสกับเคมีหรืออาหารบ่อยๆ เลยต้องผลัดเซลล์ทิ้งบ่อยตาม หรือเซลล์เม็ดเลือดขาวที่บางชนิดอยู่ได้แค่ 1-2 วัน หรือบางชนิดก็อายุยืนยาวอยู่ได้หลายปี หรือแม้แต่เซลล์ตับที่มีอายุยืนถึง 300-500 วัน เพราะตัวตับเองสามารถรักษาตัวเองได้ดี

ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เซลล์รู้ตัวว่า “โอ๊ะ! ถึงเวลาตุยเย่แล้วนี่นา ม่องเท่งดีกว่า” เซลล์พวกนี้ก็จะทำการฮาราคีรี ฆ่าตัวตายด้วยวิธีที่เรียกว่า Apoptosis ตัวพวกมันจะเริ่มบวมและระเบิดตัวเองตาย นิวเคลียสจะแตกสลายเป็นชิ้นเล็กๆ รวมถึง DNA ก็จะแตกเป็นท่อนกระจัดกระจายเช่นเดียวกัน และจะดึงดูดเม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาจเข้ามาจัดการกับซากที่เหลือของเซลล์ ซึ่งวิธีนี้ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบกับเนื้อเยื่อรอบๆ จึงเป็นวิธีที่ค่อนข้างสะอาดหมดจดมากๆ

จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อเซลล์ซอมบี้ไม่ยอมตุย
เรารู้แล้วล่ะว่าเวลาเซลล์ตายจะเป็นยังไง แต่มันก็จะมีเซลล์อยู่กลุ่มหนึ่งที่หัวขบถ พอถึงเวลาที่ตัวเองต้องตาย
กลับไม่ยอมตาย ก็อยู่ของมันไปเรื่อยๆ อย่างนั้นแหละ ไม่ยอมทำงานให้ร่างกาย มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินสารอาหารจากร่างกาย แถมเซลล์ภูมิคุ้มกันหรือเม็ดเลือดขาวก็ตรวจไม่เจออีก เพราะเข้าใจว่าเป็นเซลล์ปกติ และเมื่อไหร่ที่ไมโทคอนเดรีย (อวัยวะขนาดเล็กของเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างพลังงาน และยังมีความสามารถในการกระตุ้นให้เซลล์เกิดการ Apoptosis) ข้างในพยายามจะทำ Apoptosis ตัวเซลล์ก็จะตัดสินว่าไมโทคอนเดรีย (ของตัวเอง) เป็นสัตว์ประหลาด กำจัดทิ้งซะ! ทำให้ตัวมันเองอักเสบและแพร่กระจายไปยังเซลล์แข็งแรงรอบข้าง ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นอักเสบ และเซลล์ซอมบี้เองก็ยังมีความสามารถในการหลั่งสารที่ทำให้เซลล์ที่แข็งแรงรอบๆ กลายร่างเป็นเซลล์ซอมบี้เหมือนตัวมันเองได้ด้วย นี่แหละคือลักษณะของเซลล์ซอมบี้ หรือ Senescent Cells บอกเลยว่าชั่วร้ายสุดๆ

แล้วเซลล์ซอมบี้ จะกลายเป็นเซลล์มะเร็งหรือไม่?
แม้เซลล์ซอมบี้จะดูชั่วร้าย แต่มันกลับเป็นกลไกธรรมชาติอีกวิธีหนึ่งที่ป้องกันไม่ให้ตัวมันเองกลายร่างเป็นเซลล์มะเร็ง เพราะเวลาที่เซลล์เกิดความเครียด หรือทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ยีนมะเร็งข้างในตัวก็จะถูกกระตุ้นให้กลายร่างเป็นเซลล์มะเร็ง ฉะนั้นร่างกายก็เลยให้ทางเลือกสองทางว่าจะยอมกลายเป็นเซลล์ซอมบี้หรือเป็นมะเร็ง แน่นอนว่าเซลล์ที่รักร่างกายดั่งนายเหนือหัวย่อมสละตัวเองเป็นซอมบี้แทนที่จะเป็นมะเร็ง แต่แลกมาด้วยความโกลาหลแบบที่เรากล่าวเอาไว้ข้างต้น และยังส่งผลให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับความชราทั้งหลาย เช่น ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เบาหวาน มะเร็ง ข้อเข่าเสื่อม โรคหัวใจ หรือโรคเสื่อมในอวัยวะอื่นๆ

เซลล์ซอมบี้ จะถูกจัดการด้วยวิธีไหน ?
วิธีหนึ่งที่ถูกใช้เพื่อลดจำนวนเซลล์ซอมบี้ลง คือการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการ Autophagy มากขึ้น ซึ่ง Autophagy หรือที่เรียกว่า “กลไกการกินตัวเอง” ถูกจัดว่าเป็นอีกกลไกในการทำลายเซลล์ผิดปกติทิ้งไปอีกวิธีหนึ่งคล้าย Apoptosis เพียงกระบวนการของมันต่างกันเล็กน้อย แต่จะทำให้ได้เซลล์สดใหม่ที่แข็งแรงมาทดแทนเซลล์เก่าที่เสียไปด้วย  โดยกระบวนการ Autophagy จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อร่างกายเข้าสู่สภาวะขาดแคลนไขมันและน้ำตาล ซึ่งบอกเลยว่าเป็นวิธีที่เชื่อว่าทุกคนทำกันเป็นปกติด้วยซ้ำ ได้แก่

1. การอดอาหาร (ทำ IF) 
เวลาที่อดอาหาร ร่างกายจะเกิดภาวะขาดแคลนน้ำตาลและไขมัน ร่างกายก็จะเริ่มมองหาทางเลือกอื่นในการทดแทนพลังงาน ประมาณว่า “เอ๋ เรามีเซลล์อะไรที่ไม่ยอมทำงานพอจะเอามารีไซเคิลเป็นพลังงานให้ร่างกายบ้างนะ” ซึ่งระหว่างที่เกิด Autophagy มันก็กินเซลล์ที่ไม่มีประโยชน์ รวมถึงเซลล์มะเร็งและนำมาสร้างเซลล์ใหม่แทน 

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการอดอาหารคือ 24-48 ชั่วโมง แต่ถ้าช่วงแรกมือใหม่แนะนำทำ IF 12/12 แล้วค่อยเพิ่มเวลาเป็น 16/8 และเพิ่มเวลาอดอาหารไปเรื่อยๆ จนเป็น 24 ชั่วโมง ยิ่งอดนานก็ยิ่งเกิด Autophagy ได้มากขึ้น ทำแค่อาทิตย์ละครั้งก็พอ

2. กินอาหารแบบ Ketogenic
เปลี่ยนไปเน้นกินอาหารที่มีไขมันกับโปรตีนสูงเป็นหลัก และลดการกินคาร์บและน้ำตาลให้ต่ำมากๆ เหลือเพียง 20-50 กรัม/วัน หรือถ้าไม่มีคาร์บและน้ำตาลในมือนั้นๆ เลยก็ยิ่งดี เพื่อให้ร่างกายเกิดภาวะ Ketosis ที่จะดึงพลังงานจากไขมันในร่างกายมาเป็นพลังงานหลัก พอน้ำตาลกับคาร์บในเลือดต่ำก็จะวนกลับเข้าสูตรเดิมเหมือนการทำ IF ร่างกายคิดว่าเราอยู่ในสภาวะอดอาหารจึงรีไซเคิลเซลล์ที่ไม่มีประโยชน์ไปให้เซลล์ที่มีประโยชน์แทน

Senescent Cells

3. การออกกำลังกายแบบ Resistance
ออกกำลังกายแบบยกน้ำหนัก เพิ่มให้เกิดจุดฉีกเล็กๆ ในเซลล์กล้ามเนื้อ กระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง พอถึงขั้นตอนนี้ร่างกายก็จะตรวจเจอเองว่าเซลล์ซอมบี้อยู่ตรงไหนแล้วก็กำจัดซะ

4. กินอาหารที่มีประโยชน์จากธรรมชาติ
โดยเฉพาะอาหารที่มีสาระสำคัญในการฆ่าเซลล์ซอมบี้ที่มีชื่อว่า 
 
  • Quercetin พบได้ในผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เชอร์รี่ บลอกโคลี หอมหัวใหญ่ และองุ่น
  • Fisetin ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ พบได้ใน สตรอว์เบอร์รี่ แอปเปิล มะม่วง พลับ กีวี่ องุ่น มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ แตงกวา ถั่วเปลือกแข็ง ไวน์ ชาเขียว และชาดำ
  • Curcumin พบได้ในขมิ้น มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อ/เซลล์ซอมบี้
  • Piperlongumine เป็นสารกลุ่มอัลคาไลน์ พบได้มากใน ดีปลี

ไปติดตามการทำ Autophagy อย่างถูกหลัก จากคุณหมอ ธนศักดิ์ ยิ้มเกิด ได้ในรายการ Healthy Life


แม้ชื่อจะฟังดูน่ากลัวเหมือนหลุดออกมาจากในหนัง (ซึ่งก็น่ากลัวจริงๆ นั่นแหละ!) แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเซลล์อมตะที่ฆ่าไม่ตายเสียทีเดียว ถ้าจัดการมันอย่างถูกวิธีก็ทำได้ ง่ายๆ ด้วยวิธีธรรมชาติ ใครทำแล้วก็อาจจะช่วยแก่ช้าลง เป็นหนุ่ม เป็นสาวสะพรั่งยาวนานยิ่งขึ้นก็ได้นะ
-->