No-buy 2025 เทรนด์ ลด ละ เลิกช็อป

ของมันต้องมี… จริงๆ หรอ? ชิ้นนู้นก็ต้องมี ชิ้นนี้ก็อยากได้ แต่ใช้เงินเดือนชนเดือนอีกแล้ว อยากออกจากวงจรนี้แล้ว ทำยังไงดี? ปีนี้สาวๆ ชาวอเมริกันได้ออกมาทำตามเทรนด์ No-buy 2025 ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก ซึ่งหลายๆ คนก็สามารถประหยัดขึ้นเยอะ แถมมีเงินเก็บไปทำอย่างอื่นเพิ่มเติมอีกด้วย



การยับยั้งชั่งใจ พูดง่ายแต่ทำยากสะเหลือเกิน
ก่อนหน้าจะมี No buy trend เคยมี YONO หรือ You only need one มาแล้ว ซึ่งเป็นแนวคิดของคนเกาหลีรุ่นใหม่ ที่ต้องการปรับพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง ไม่ฟุ่มเฟือย วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ เลือกตัดสินใจซื้อเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น เนื่องจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆ 

Low buy หรือ No buy จะทำได้ไหม?
สำหรับ Low buy คือการตั้งเป้าหมายลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เช่น จัดการการซื้อกาแฟ หรือการสั่งอาหารออนไลน์ หรือแม้กระทั่งเลิกซับเนตฟลิกเพราะไม่ได้ดู แต่ยังคงซื้อของที่จำเป็นอยู่ 

ส่วน No buy ตามชื่อก็คือ เลือกที่จะไม่ซื้ออะไรที่ไม่จำเป็นเลยเป็นเวลาหนึ่งปี โดยของที่จะซื้อได้ต้องเป็นของที่จำเป็นจริงๆ เช่น อาหาร ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล ค่าบ้าน 

ทำไมเทรนด์การลด ละ เลิกช็อปกำลังมา
ด้วยภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ค่าครองชีพเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มทำให้คนตระหนักถึงการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เพื่อที่จะไม่ให้เกิดภาวะทางการเงินหรือหนี้สินนั่นเอง คนเมืองเริ่มชะลอการใช้จ่าย เริ่มมีสติในการซื้อมากขึ้น ผลสำรวจเผยให้เห็นว่า คะแนนความสุขของคนไทย -1% เมื่อเทียบกับผลสำรวจเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง แต่คนไทยหลายๆ คนก็ยังคงมองหาความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ฮีลใจ ใช้จ่ายไปกับสิ่งที่ชอบมากกว่า เช่น Gen Z ไม่ซื้อของ แต่เปย์การติ่ง ไปคอนเสิร์ตแบบแฮปปี้



No buy 2025 rules เริ่มจากอะไรดีหละ?

@rebecca.sowden อินฟลูคนนึงใน TikTok ได้สร้างกฏการห้ามใจ เพื่อที่จะทำตามเป้าหมาย No buy 2025 ตามนี้ เรามาดูกันข้อไหนที่เราจะทำได้บ้าง
  • งดซื้อเสื้อผ้า มีใส่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเพิ่ม
  • ข้อสอง รองเท้าใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องมี ถ้าคู่เก่ายังไม่พัง 
  • ข้อสาม ไม่ซื้อสกินแคร์หรือเครื่องสำอางใหม่ ถ้าไม่ใช่คำแนะนำที่เราจะเป็นต้องใช้จากหมอผิวหนัง 
  • รวมไปถึงการไม่ใช้เครดิตการ์ดในชีวิตประจำวัน ควรจะใช้เงินจากบัญชีเราโดยตรงเพราะเราอาจไม่รู้ budget ของเงินที่เราต้องจ่ายเลย 
  • สำหรับบางคนถึงขั้นที่เลือกที่จะไม่สั่งกาแฟหรือชาประจำวัน เพื่อลดค่าใช้จ่าย รวมไปถึงถ้าจำเป็นต้องซื้อเครื่องสำอาง ก็เลือกแบรนด์จากร้านขายยยามากกว่าที่จะซื้อ Hi-end แบรนด์

แต่กฏนี้อาจใช้ไม่ได้กับทุกคน บางคนพยายามที่ตามเทรนด์ Low buy อยู่ ซึ่งถือว่าก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีได้ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แทนการที่ไม่ซื้ออะไรเลย การซื้อความสุขให้ตัวเองก็ยังสำคัญเหมือนกัน ค่อยๆ ลองดู ก็ถือเป็นก้าวแรกที่สามารถเริ่มต้นสู่ความสำเร็จได้ สามารถลองเข้าไปส่องใน TikTok #Nobuy2025 #Nobuyyear เพื่อหาไอเดียตั้งกฏไม่ซื้อของอะไรที่เหมาะกับสถานการณ์การเงินของเราที่สุด 
-->