ได้เวลาที่ชาว LGBT ต้องฮึกเหิม เพราะ POSE ซีซั่น 2 มาแล้วว…
POSE ซีซั่นสองมาแล้วว… เอาเป็นว่าสำหรับใครที่ยังไม่รู้จักซีรีย์ดังจากอเมริกาเรื่องนี้ล่ะก็ ต้องรีบตามไปไล่ดูซีซั่นแรกใน Netflix กันแบบด่วนๆ จะได้ไม่งง แถมยังเพิ่มอรรถรสในการรับชมซีซั่นนี้ด้วย รับรองว่าคุณจะได้รับความสนุก สาระประโยชน์เกี่ยวกับชีวิตเพื่อนๆ เพศทางเลือกเมื่อยุค 80’s ทุกอุปสรรคของพวกเขาได้ถูกโชว์ผ่านตัวละครทุกตัว POSE พร้อมมอบคราบน้ำตา เสียงหัวเราะ และมุมมองของเพศที่สามที่เปิดกว้างให้คุณได้สัมผัสกันแบบจุใจ เราเชื่อว่าคุณจะเข้าใจอดีตอันแสนเจ็บปวดของชาว LGBT มากขึ้น และร่วมกันสนับสนุนให้ทุกคนมีสิทธิในการเป็นในสิ่งที่ใจรักนับตั้งแต่วันนี้เลยล่ะ!
และนี่! คือเรื่องราวบางส่วนในยุค 80’s ที่เราได้จาก POSE ซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้!
Fact #1 “ ปี 1986-1989 & Ball Culture”
ถึงแม้ซีรีย์นี้ไม่ได้มาจากเรื่องจริงของใครเลย แต่ว่าเรื่องราวบางส่วนก็สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวเกย์ทั้งที่เป็นชาวผิวสี ผิวขาว หรือเป็นชาวละตินอพยพที่เคลื่อนย้ายมาอยู่อเมริกาในสมัยนั้นจริง โดย POSE ได้เจาะลึกถึงการแบ่งชนชั้น ผิวสี ชาติพันธุ์ และการเหยียดหยามเพศทางเลือกที่รุนแรงในช่วงปี ค.ศ. 1986 - 1989 พอสืบไปสืบมา เราก็พบว่าซีรีย์นี้ผู้กำกับเขาได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เชิงสารคดีเรื่อง “Paris is Burning” เมื่อปี 1990 เป็นเรื่องจริงของชาวสีรุ้งอย่าง เกย์และทรานส์ (transgender) ที่บ้านแตก ถูกทำร้ายจากครอบครัว ไม่มีที่ไป ซึ่งหลายคนถึงกับต้องขายบริการทางเพศเลยด้วยซ้ำ
ความจนตรอกและถูกข่มเหงจากสังคมนี่ล่ะ พวกเขาจึงต้องมารวมตัวกันจนเกิดการจัดเวทีประกวด แบ่งทีม แบ่งเม็นเทอร์เพื่อประชันการเดินแบบที่แซ่บซี๊ดด...และถือเป็นจุดกำเนิดของวัฒนธรรมชาวเกย์ที่เรียกว่า “Ball Culture” ซึ่งก็น่าจะได้เห็นกันใน POSE ซีซั่นแรกอยู่แล้ว ขอบอกว่าอลังการงานสร้างมากจ้าา ทุกซีนจัดได้ว่ามันส์สุดๆ เลยล่ะ นี่แค่น้ำจิ้มยังน่าดูขนาดนี้ เพราะฉะนั้น ถ้าสนใจดูเรื่องราวของชาวสีรุ้งแล้วล่ะก็ ต้องไม่พลาดที่จะชม POSE แล้วต่อด้วยภาพยนตร์อิงสารคดี “Paris is Burning” ถ้าให้เริศ เราอยากแนะนำว่าควรดู POSE ซีซั่นแรกให้จบก่อน เพราะมันช่วยสร้างมิติในการเข้าถึงชาวเกย์ยุคนั้นได้ลึกขึ้น พอดูสารคดีต่อปึ๊บ รับรองว่าซึ้งกว่าเดิมมากก!
ตัวอย่างภาพยนตร์เชิงสารคดี Paris is burning 1990
Fact #2 "16 มิถุนายน ปี 1981 วันที่ผู้ป่วยเอดส์ (เกย์คนแรก) ได้รับการรักษา"
ตัวละครใน POSE พยายามบอกคนดูว่าสังคมสมัยนั้นรังเกียจเพศทางเลือกมากก ถึงขั้นไม่ให้การดูแลผู้ป่วยเกย์ที่เป็นโรคเอดส์เลยด้วยซ้ำ ในเรื่องจะมีฉากที่ผู้ป่วยเอดส์โดนเมินเฉย อาหารไม่ถูกเสริฟระหว่างนอนพักในโรงพยาบาล มันทำให้เห็นว่าไม่มีใครทำความเข้าใจเกี่ยวกับเอดส์อย่างลึกซึ้ง เอาล่ะ! เราไม่ขอพูดเยอะไปมากกว่านี้ เพราะไม่อยากสปอยส์ แต่ขอเล่าเพิ่มเติมว่าเรื่องราวนี้อิงกับข้อมูลการรักษาผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นเกย์ โดยมีบันทึกไว้ว่า ช่วงวันที่ 16 มิถุนายน ปี 1981 เป็นครั้งแรกที่ผู้ป่วยเพศทางเลือกท่านนึงได้รับการรักษาจาก NIH CLINICAL CENTER โดยเขาถูกนำไปวิจัยต่อจากทีมแพทย์เพิ่มเติมถึงที่มาเกี่ยวกับอาการป่วยของโรคนี้นั่นเอง
Fact #3 "การเป็นเพศทางเลือก คือการสร้างทางเลือกให้กับตัวเอง"
ต้องขอยอมรับกันตรงๆ ว่าตอนแรกเราเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราต้องชอบเพศเดียวกันด้วย แต่พอลองมองกลับกัน แล้วทำไมคนที่ไม่ได้เป็นเกย์ต้องชอบเพศตรงข้ามด้วยล่ะ? ถูกมั้ย? บางครั้งสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมันก็ไม่ได้ดีไฟน์ทุกสิ่งที่คุณเห็นนะ และมันก็อาจไม่เพอร์เฟคแบบตายตัวซะทีเดียว
POSE บอกอะไรหลายอย่างว่าการนำความเชื่อมาผูกกับกฎธรรมชาติหรือศาสนาหรือวัฒรธรรม ทำให้คนบริสุทธิ์ถูกเมินเฉย ถูกทารุณ เด็กๆ ที่ถูกค้นพบว่าเป็นเกย์หรือกระเทยต้องถูกไล่ออกจากบ้านเพียงเพราะครอบครัวไม่มีการมานั่งทำความเข้าใจเกี่ยวกับ LGBT Community อย่างจริงจัง รวมถึงพอยท์ของความเชื่อที่ว่า พระเจ้าสอนให้คุณเป็นคนดีไม่ใช่หรอ? แล้วการขับไล่ลูกไปตายเอาดาบหน้าเพราะว่าเขาเป็นเกย์เนี่ย มันคือสิ่งที่คนดีควรทำหรือยังไง?
ด้วยกับความเข้าใจผิดๆ แบบยุคก่อนนี้ทำให้ POSE ต้องการสะท้อนพลังเป็นตัวแทนของชาวสีรุ้งที่มีหัวใจให้กลับมาหึกเหิมเต็มเปี่ยมด้วยพลังอีกครั้ง! ความสามารถของชาวสีรุ้งนี่ล่ะจะประกาศก้องว่า โลกนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับชายและหญิงเพียงอย่างเดียว เพราะโลกนี้พระเจ้าสร้างพื้นที่ไว้มากมายให้กับทุกคนให้อยู่ด้วยกันบนพื้นฐานของการเป็นคนดีต่างหากล่ะ
สำหรับใครที่อยากชม POSE Season 2 เราว่ามันคงยากที่ต้องคอยแคชอัพโชว์ไทม์ตามเวลาท้องถิ่นในอเมริกา เอาเป็นว่า ย้อนไปดูซีซั่นแรกใน Nextflix ไปพลางๆ ทวนความจำตัวเองกันไปก่อน อ้อ! อย่าลืมต่อด้วยดูสารคดีควบไปด้วยล่ะ...ถ้าใครดูแล้วชอบไม่ชอบก็อย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะ !