เอ๊ยเธอดูยัง...หนังเข้าชิงออสการ์ปีนี้



 
สดๆ ร้อนๆ เลยจ้า เขาประกาศรายชื่อหนังที่เข้าชิง Oscar ปีนี้อย่างเป็นทางการแล้วซึ่งมีถึง 24 สาขาในการเข้าชิง แต่ก่อนจะได้ลุ้นกันแบบไลฟ์สดหน้าจอในเช้าวันที่ 4 มีนาคม ส่งตรงจาก Dolby Theatre  ในฮอลลีวู้ด เราไปไล่ดูหนังเข้าชิงกันก่อนดีกว่า ถ้าดูได้ครบนะ บอกเลยว่า มันเพิ่มระดับความตื่นเต้นในการลุ้นขึ้นมาอีกมากกก ยิ่งตอนที่นักแสดงประกาศว่า “And the Oscar goes to…” 

4 category ปังๆ นี้ห้ามพลาด!
Best Picture
 

 
Call Me By Your Name
Phantom Thread
The Post
​Dunkirk
Darkest Hour
Get Out
Lady Bird
The Shape of Water
Three Billboards Outside Ebbing, Missouri
 
 

The Must! หนังดาร์กโรแมนติกเรื่องนี้ต้องดู
เราไม่ได้ Predict อะไรทั้งสิ้น แต่แค่อยากให้ได้ดูเรื่องนี้จริงๆ หนังดาร์กแฟนตาซีภาพสวยมาก The Shape of Water เรื่องราวของเอไลซ่า แม่บ้านสาวใบ้ที่ทำงานกะดึกในศูนย์วิจัยอวกาศ ตกหลุมรักกับมนุษย์บาดาลที่ถูกนำเข้ามาทำการทดลอง ความรักโรแมนติกแบบสุดเหวี่ยงของหนังให้อารมณ์เหมือนเรากำลังดูหนังเจ้าหญิงแต่เป็นเวอร์ชั่นดาร์กอ่ะ

 
Best Actress



Meryl Streep จากเรื่อง The Post
Margot Robbie จากเรื่อง I, Tonya
Saoirse Ronan จากเรื่อง Lady Bird
Frances McDormand จากเรื่อง Three Billboards Outside of Ebbing, Missouri
Sally Hawkins จากเรื่อง The Shape of Water
 

The Must! อย่าพลาดคุณป้าเมอรีลเลยแหละ
นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแรกหรอกที่ป้าเมอรีล สตรีพ เค้าเล่นดีแบบที่ว่าเราอยากจะลุกขึ้นปรบมือ แต่ในหนังที่สร้างจากเรื่องจริงของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในยุคสงครามเวียตนามอย่าง The Post เรื่องนี้ การรับบทเป็นแคทธารีน เจ้าของหนังสือพิมพ์ภายใต้แรงกดดันด้านเสรีภาพสื่อในยุคสงคราม และการตัดสินใจบางสิ่งบางอย่าง คุณป้าก็ทำให้เราๆ น้ำตาไหลออกมาได้หลายซีน 


Best Actor



Gary Oldman จากเรื่อง The Darkest Hour
Denzel Washington จากเรื่อง Roman J. Israel, Esq.
Daniel Kaluuya จากเรื่อง Get Out ​
Daniel Day-Lewis จากเรื่อง The Phantom Thread
Timothée Chalamet จากเรื่อง Call Me By Your Name
 
 

The Must! สุดยอดการพลิกโฉมของแกรี่ โอลด์แมน
เรายอมรับเลยว่าไม่ค่อยได้ตั้งใจเรียนประวัติศาสตร์ตอนอยู่มัธยม ก็เลยไม่ค่อยได้สนใจมาก่อนว่าวินสตัน เชอร์ชิลเป็นคนยังไง แต่ใน The Darkest Hour หนังที่พูดถึงนายกรัฐมนตรีอังกฤษอย่างวินสตัน เชอร์ชิล กับช่วงเวลาที่เขาต้องพาสหราชอาณาจักรผ่านพ้นยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องนี้ Gary Oldman นอกจากพลิกโฉมแบบหน้ามือเป็นหลังมือเพื่อมาเป็นเชอร์ชิลได้เนียนสุดๆ แล้ว (ซึ่งเป็นฝีมือของทีมเมคอัพ)  เขายังทำให้เราเข้าใจหัวใจอ่อนโยนของวินสตัน เชอร์ชิลได้ดีกว่าการเรียนประติศาสตร์ซะอีก


Best Director



Greta Gerwig จากเรื่อง Lady Bird
Guillermo Del Toro จากเรื่อง The Shape of Water
Christopher Nolan จากเรื่อง Dunkirk
Jordan Peele จากเรื่อง Get Ou
tPaul Thomas Anderson จากเรื่อง Phantom Thread



The Must! ดูไม่ทันแต่อยากให้ดู 
ใครเป็นแฟนๆ ของคริสโตเฟอร์ โนแลนอยู่แล้วก็คงไม่พลาด เพราะนี่คือหนังเรื่องแรกของเขาที่บอกเล่าความเป็นจริงของสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะที่ผ่านมาเขาเก่งแต่เรื่องราวเหนือธรรมชาติอย่าง The Dark Knight’s หลากหลายภาค แต่ความเจ๋งของ Dunkirk ก็คือ เขาเลือกเทคนิคการถ่ายทำหนังสงครามสุดเรียลด้วยฟิล์ม 65 มม. และกล้อง IMAX ซึ่งน่าจะต้องดูในโรง IMAX)  เสียดายถ้าใครไม่ทันดู ก็ลองหามาดูตามหลังละกัน 



 
-->