สุดยอดเทคโนโลยีแห่งปี2020 “Smart Toilet” บอกโรคได้!
ล่าสุดทีมนักวิจัยและพัฒนาจาก Stanford Medicine (แหล่งพัฒนาวิจัยด้านชีวเคมีในเครือ Standford University) พัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถติดตั้งกับโถสุขภัณฑ์เพื่อวิเคราะห์อาการเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ ของผู้ใช้ในเบื้องต้นได้แล้ว โดยมันจะช่วยตรวจคัดกรองความผิดปกติในปัสสาวะและอุจจาระของผู้ใช้ผ่านเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (Motion Sensor) โดยจะแคปเชอร์ภาพขณะที่คุณกำลังใช้งานเป็นวิดีโอก่อนส่งต่อไปยังระบบวิเคราะห์แบบอัลกอริทึม
และหนึ่งในอัลกอริทึมก็สามารถตรวจจับความผิดปกติของปัสสาวะได้เลย โดยตรวจจับจากลักษณะการไหลออกของปัสสาวะรวมไปถึงปริมาณที่ได้
ส่วนในอุจจาระก็จะมีระบบสะแกนตรวจเช็กภาพ โดยจะมีระบบนำไปเทียบกับ Bristol stool chart ซึ่งก็คือชาร์ตที่แพทย์ใช้ในการนำมาวิเคราะห์เทียบอาการโรคต่างๆ ในคนจากลักษณะของอุจจาระของคนๆ นั้นนั่นเอง
ภาพ: Bristol stool chart
Photo credit: Global Healing Center
แล้วระบบ SMART TOILET ปลอดภัยกับผู้ใช้หรือไม่?
ภาพสาธิตการใช้งานระบบ SMART TOILET
Photo Credit: I.insider.com
Photo Credit: I.insider.com
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ถูกละเลยจากทีมวิจัย เพราะล่าสุดพวกเขาได้ทำการทดลองกับผู้ใช้จำนวน 21 คน อีกทั้งผลสำรวจจากคน 300 คน พบว่ากว่า 52% ให้ความเห็นตรงกันว่าพวกเขาค่อนข้างสบายใจกับการใช้งานแถมรู้สึกว่าเป็นไอเดียที่ดีมากเลยล่ะ
ทางโปรเฟซเซอร์ผู้นำทีมคิดค้น Sanjiv Sam Gambhir เชื่อว่าห้องน้ำอัจฉริยะนี้น่าจะเป็นประโยชน์มากสำหรับการตรวจสอบผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือมีอาการลำไส้แปรปรวน (IBS) และไตวาย
รู้ยัง? ความจริง "Smart Toilet for HEALTH" ไม่ได้เพิ่งถูกคิดค้นนะ
ในงานแสดงโชว์ที่จีน toilet expo in Beijing in November 2018 หนึ่งในเทคโนโลยีที่ถูกนำมาพรีเซ็นต์ตอนนั้นก็คือ เจ้าโถสุขภัณฑ์อัจฉริยะที่สามารถตรวจคัดกรองโรคได้ซึ่งทุ่มทุนโดย BILL GATE และทีมงานของเขาPhoto Credit: media4.s-nbcnews.com
นอกจากนี้ย้อนไปเมื่อปี 1980 หรือพ.ศ. 2523 ที่ญี่ปุ่นเขาได้คิดค้นเรื่องนี้ไว้นานแล้วเหมือนกัน ขณะที่ทาง European Union ได้สนับสนุนทีมวิจัยสร้างโปรเจคชื่อ “iToilet”ขึ้นเพื่อผลิตโถนั่งอัจฉริยะออกมารองรับและดูแลสุขภาพของผู้ใช้สูงวัยรวมถึงผู้พิการด้วย เช่น มีการติดตั้งระบบคำสั่งแบบใช้เสียง และระบบตรวจจับกรณีที่ผู้ใช้เกิดหกล้มหรือมีปัญหาระหว่างการใช้งานนั่นเอง
เรียกว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนรักสุขภาพทั้งหลาย เพราะอย่างน้อยก็ช่วยให้เราไม่ประมาทระหว่างวัน แถมยังทำให้ได้เช็กตัวเอง รู้ทันร่างกายก่อนถึงมือหมออีกด้วย