เบบี๋ที่เอาแต่หลับพริ้มแสนน่ารักตอนอยู่โรงพยาบาลคือภาพมายา กลับบ้านมานี่สิ่ของจริง! ยิ่งบ้านไหนที่มือใหม่ทั้งคู่แบบไม่มีผู้ช่วยแล้วละก็… ยิ่งกว่าอภิมหาภาพยนตร์ดราม่าแอคชั่นฟอร์มยักษ์เลยทีเดียว และนี่คือ 5 เรื่องจริงจากประสบการณ์จริงของการเป็นคุณแม่มือใหม่ที่ไม่มีตำราที่ไหนบอกคุณ

 

#สมาชิกที่ตัวเล็กที่สุด แต่มีของส่วนตัวเยอะที่สุดในบ้าน
ก็ของมันต้องมี! ลูกได้ใช้หรือไม่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าโดนใจแม่ ก็เลย CF มาอย่างหน้ามืดตามัว แล้วเป็นไงล่ะ… ลูกโตไวมากจนเสื้อผ้าน่ารักๆ ที่ซื้อรอไว้ บางตัวก็ใส่ได้ครั้งเดียว บางตัวก็ไม่ได้ใส่เลยเพราะระเบิดไซส์ไปแล้ว ไหนจะ playpen ไหนจะเตียงเจ้าหญิงฟรุ้งฟริ้ง ซึ่งเอาจริงๆ ลูกอาจไม่ยอมใช้ สุดท้ายก็ได้รับหน้าที่เป็นที่ใส่ของเล่นไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

 

DO THIS! ซื้อแต่พอดี ในช่วง 1-3 เดือนแรก การออกนอกบ้านส่วนใหญ่ก็มีแค่ไปฉีดวัคซีน ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าอลังการมากมาย แต่ให้ไปเน้นที่สวมใส่สบาย ระบายอากาศดี ไม่ระคายเคืองผิวที่บอบบางของลูกน้อยจะดีกว่า ส่วนอุปกรณ์ เครื่องนอน ของใช้ต่างๆ ก็อย่าเน้นตามรีวิวเค้าเล่าว่า เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน ให้ทยอยซื้อตามความเหมาะสม และกำลังทรัพย์ของคุณพ่อคุณแม่ เพราะไม่ว่ายังไงสำหรับเจ้าเบบี๋ตัวน้อย อ้อมกอดของคุณพ่อคุณแม่ก็คือพื้นที่ที่อบอุ่น ปลอดภัย และหลับสบายที่สุดแล้ว

 

#บอกลาคำว่า หลับสนิทตลอดคืน
ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าจง นอน นอน และนอนให้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าตัวเล็กลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้วละก็ คุณจะไม่มีโอกาสได้นอนยาวทั้งคืนอีกต่อไป เพราะช่วง 1-2 เดือนแรก ลูกน้อยจะยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน บอกเลยว่าบันเทิง! กลางวันสลบไสล ตาใสตอนกลางคืน โตมาหน่อยเริ่มนอนกลางคืนได้ดีขึ้น แต่ก็ต้องมีตื่นมากินมื้อดึก ไหนจะต้องลุกมาคอยห่มผ้าให้ตลอดคืน บ้านไหนแต้มบุญดีลูกก็อาจนอนยาวได้เร็ว แต่สัญชาตญาณของแม่ก็ต้องมีตื่นมาคอยเช็กว่าลูกยังอยู่ดีไหม เห็นเงียบไปจะมีอะไรไปอุดหน้าอยู่หรือเปล่าอยู่ดี จริงไหมล่ะ?

 

#อย่าไปเชื่อคำว่าหลัง 3 เดือนก็สบายแล้ว
คุณแม่มือใหม่หลายๆ คนอาจเคยได้ยินคำปลอบใจเชิงให้กำลังใจว่าเดี๋ยวพอผ่าน 3 เดือนไปอะไรๆ ก็สบายแล้ว ซึ่งขอบอกไว้ตรงนี้อีกเช่นกันว่า ไม่จริง! จริงอยู่ที่ระยะเวลา 3 เดือนที่เราได้ทุ่มเทเวลาอยู่กับลูกอย่างเต็มที่จะทำให้คุณแม่และเบบี๋เข้าใจกันมากขึ้น ซึ่งพอครบ 3 เดือนสำหรับคุณแม่ที่ยังทำงานประจำ ก็ต้องเตรียมตัวกลับมาทำงานในสถานะที่เปลี่ยนไป คุณจะคิดถึงลูกมาก! คุณจะรุงรังมาก! สัมภาระที่คุณแบกมาทำงานจะเยอะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่ว่าจะเครื่องปั๊มนม กระเป๋าเก็บความเย็น ผ้าคลุมปั๊มนม ฯลฯ ที่สำคัญคือสมองของคนที่นอนหลับไม่เต็มอิ่มมาติดต่อกันนาน 3 เดือน มันจะไม่เข้าที่เข้าทางจนพาลให้หงุดหงิดใจได้มากเลยแหล่ะ

 

คุณแม่ Full time ก็ไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องแยกจากลูก แต่ในวัย 3 เดือน เจ้าเบบี๋ตัวน้อยก็จะเริ่มมีความเข้าใจอะไรมากขึ้น  เริ่มพลิกคว่ำได้ เริ่มคืบได้ เริ่มไขว่ขว้าสิ่งของได้ จากก่อนหน้านั้นที่เคยให้นอนเล่นแล้วพอจะปลีกตัวไปทำอะไรได้บ้าง กลายเป็นว่าพอ 3 เดือนปล่อยไว้คนเดียวไม่ได้เด็ดขาดเลยแหล่ะ เจ้าตัวน้อยบางคนก็เริ่มที่จะห่วงเล่น นอนยากขึ้น นอนกลางวันน้อยลง พาลให้คุณแม่ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นไปอีก

 

#ลูกมีเรดาร์จับการเคลื่อนไหวเมื่อแม่จะลุกออกจากที่นอน
หมาเห่า รถเร่งเครื่อง ตัวร้ายในทีวีกรี๊ดกร๊าดแค่ไหน ลูกจะยังคงนอนหลับได้ตราบใดที่แม่ยังนอนข้างๆ แต่เมื่อใดก็ตามที่แม่เพียงคิดจะลุกออกมาเจ้าเบบี๋ตัวน้อยก็จะมีเรดาร์รับรู้ได้ทันที จริงๆ ก็คงต้องบอกว่ามันคือสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด เพราะลูกจะรับรู้ว่าเมื่ออยู่กับแม่ เขาจะปลอดภัย การมีแม่อยู่ใกล้ๆ หิวเมื่อไหร่ก็ได้กิน จะมีคนคอยปลอบ คอยปกป้องให้ปลอดภัยจากโลกกว้างที่เจ้าตัวน้อยพึ่งได้มาสัมผัสเป็นครั้งแรก

 

#อย่าคาดหวังกับคนอื่น จงเป็น “แม่” ด้วยใจ ไม่ใช่แค่หน้าที่
การมีลูกคือการที่แม่แทบจะสูญเสียทุกสิ่งที่เคยเป็น จากที่เคยตามใจตัวเอง จากที่เคยไปไหนที่อยากไป อยากที่เคยอยากกินอะไร อยากนอนเมื่อไหร่ก็นอน เมื่อมีลูกมาเป็นอีกส่วนหนึ่งของชีวิต ทุกสิ่งก็จะเปลี่ยนไป หลายครั้งที่เหนื่อย หลายครั้งที่ท้อ จนพาลให้หงุดหงิดกับคุณพ่อ หรือคนรอบตัว แต่จงรู้ไว้ว่า คุณเป็นโลกทั้งใบของลูก เป็นคนที่คอยให้ไออุ่น คอยให้อิ่มท้อง คอยกล่อมให้นอนหลับ ที่ลูกเอาแต่เรียกหา เพราะว่าแม่คือคนสำคัญ