ลูกเริ่มงอแง ไม่อยากกิน อาจเป็นสัญญาณเตือนของ Herpangina
คุณพ่อคุณแม่บ้านไหนที่กำลังกลุ้มใจกับการที่ลูกไม่ยอมทาน หรือทานน้อยลงโดยไม่มีสาเหตุ อย่าเพิ่งชะล่าใจ หรือคิดว่าก็ปล่อยให้หิวไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็อยากกินเองนั่นแหละ เพราะไม่แน่ว่า อาการนี้อาจมีสาเหตุมาจากโรคที่ซ่อนอยู่อย่าง #เฮอร์แปงไจน่า ก็ได้#เฮอร์แปงไจน่า คือ …
ชื่ออาจจะฟังดูไม่คุ้นหูกันซักเท่าไหร่ แต่รู้มั้ยว่า #เฮอร์แปงไจน่า เป็นโรคที่พบได้ในทุกช่วงอายุเลย เพียงแต่จะเจอมากในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี โดย #เฮอร์แปงไจน่า นั้นเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ที่จะเกิดขึ้นกับระบบทางเดินอาหาร ซึ่งไวรัสในกลุ่มนี้ก็มีอยู่หลายชนิดและหลายสายพันธุ์ และหนึ่งในนั้นก็คือเอนเทอโรไวรัส 71 ที่ทำให้เกิดโรคสุดฮิตอย่างมือเท้าปากนั่นเอง
สังเกตอาการ #เฮอร์แปงไจน่า
อาการของ#เฮอร์แปงไจน่า ในเด็กแต่ละคนนั้นอาจไม่เหมือนกัน บางคนมีไข้สูงเฉียบพลัน ไม่อยากทานอาหาร เบื่ออาหาร กลืนลำบาก น้ำลายไหล อาเจียน ในบางรายอาจมีภาวะขาดน้ำได้ด้วย และพบแผลในปาก โดยจะเริ่มจากแผลเล็กๆ หลายแผลบริเวณเพดานอ่อน ต่อมทอนซิล ผนังคอด้านหลัง โดยลักษณะของแผลที่เจอจะเกิด 2 วันหลังการติดเชื้อ และส่วนใหญ่หายได้เองภายใน 7 วัน ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่พบแผลในปาก บวกกับมีอาการตามข้างต้น ก็ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย เพราะแพทย์จะสามารถระบุได้ว่าแผลที่เกิดขึ้นนั้นเป็น #เฮอร์แปงไจน่า หรือเป็นโรคอื่นๆ
วิถีการแพร่เชื้อของ #เฮอร์แปงไจน่า
โรคนี้จะแพร่เชื้อผ่านทางสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ อุจจาระรวมไปถึงการแพร่เชื้อที่ปนเปื้อนมากับน้ำหรืออาหาร ภาชนะต่างๆ การสัมผัสกับของเล่น โต๊ะเก้าอี้ ผ่านทางปาก ซึ่งความเก่งกาจของเชื้อไวรัสนี้คือมีศักยภาพสูงในการก่อโรค ที่แม้ว่าจะได้รับเชื้อแค่เพียง 10-100 ตัวก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้
‘เฮอร์แปงไจน่า’ ต่างกับ ‘มือเท้าปาก’ อย่างไร
ด้วยความที่อาการของโรคอาจจะค่อนข้างคล้ายกันมากจนบางทีอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดความเข้าใจผิด แต่สิ่งที่จะช่วยแยกได้ดีก็คือ ถ้าเป็นโรคเฮอร์แปงไจน่า จะไม่มีผื่นหรือตุ่มน้ำที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า แผลจะอยู่แค่บริเวณในปากเท่านั้น ซึ่งต่างกับมือเท้าปาก ที่ผื่นสามารถขึ้นได้ทั้งฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือบริเวณก้นนั่นเอง ทั้งนี้การรักษาของทั้งสองโรคจะเป็นการรักษาตามอาการ
อยากป้องกันเฮอร์แปงไจน่าให้เด็กๆ ต้องทำแบบนี้!
เนื่องจากในปัจจุบันนั้นยังไม่มีวัคซีนที่ป้องกันโรคเฮอร์แปงไจน่าโดยเฉพาะ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะป้องกันและลดความเสี่ยงให้กับเด็กๆ ได้ก็คือการล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ ระวังการสัมผัสน้ำลาย น้ำมูก หรือการเล่นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเฮอร์แปงไจน่า โดยเฉพาะเชื้อนี้มักจะพบในที่ที่เด็กอยู่รวมตัวกันเยอะๆ อย่าง โรงเรียน สนามเด็กเล่น สวนสนุกต่างๆ เพราะฉะนั้นข้อสำคัญคือหากพบว่าลูกเป็นเฮอร์แปงไจน่า ควรงดไปโรงเรียนอย่างน้อย 7 วัน หรือหลีกเลี่ยงการไปในที่คนเยอะๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อจะดีที่สุด
แม้ว่าทุกวันนี้โรคเด็กจะเยอะจนคุณพ่อคุณแม่อ่อนใจ แต่ถ้าเราสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกอยู่เสมอ และสอนให้เขารักความสะอาด หมั่นล้างมือบ่อยๆ เท่านี้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้อีกทางหนึ่ง