“Enjoy แบบ NO จอ” ทานข้าวนอกบ้านแบบสงบสุขกับลูกน้อย

“ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน” คำนี้เราคงเคยได้ยินได้เห็นกันบ่อยๆ ในโลกโซเชียล ที่มักจะเป็นภาพที่พ่อแม่พาลูกออกไปทำกิจกรรม หรือทานข้าวนอกบ้านแล้วเจ้าตัวเล็กวิ่งวุ่น จนเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นบ่อยๆ จนทำให้คนอื่นปวดหัวตามๆ กัน ใครมีลูกเล็กในวัยกำลังซน พวกเราคือเพื่อนกัน



ร้านอาหารนอกบ้านอาจเป็นที่ที่ Overwhelmed สำหรับลูกน้อย
คนเยอะ อาจทำให้ลูกน้อยรู้สึกตื่นตระหนกจนร้องไห้ หรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อมใหม่ๆ อาจทำให้ลูกตื่นเต้นจนอยู่เฉยไม่ได้ แล้วเราจะทำยังไงดี ให้ลูกเอนจอยร้านอาหารกับเรา โดยที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น 

ยื่นจอให้ลูกดู เพื่อให้ลูกสงบลง 
บางคนแก้ปัญหาความสงบสุขด้วยการยื่นจอให้ลูกน้อยโฟกัส เพื่อที่เค้าจะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่น สร้างความไม่สบายใจให้ใครหลายๆ คน แต่ถ้าเรามีกฎเกณฑ์ที่มีลิมิตหน้าจอในแต่ละวัน ทำยังไงดีที่ไม่ให้ลูกดูจอเกิดกำหนดแม้จะต้องออกไปทานอาหารนอกบ้าน 

ซ้อมลูกก่อนออกไปเจอสนามจริง
Sarah Whitmire นักบำบัดที่ให้คำปรึกษาสำหรับเด็กและผู้ใหญ่  แนะนำว่าการที่เราลองให้ลูกเรียนรู้ว่าการออกไปทานอาหารนอกบ้านจะเป็นยังไง ก่อนที่ลูกจะได้ออกไปจริงๆ เพื่อให้ลูกไม่ตื่นตระหนกหรือว่าตื่นเต้นจนเกินไป ถ้าต้องออกไปเจอผู้คนมากมาย เราสามารถสร้างสถานการณ์ง่ายๆ เริ่มได้ที่บ้าน เช่นการมีเมนูอาหาร หรือเลือกร้านอาหารใกล้บ้าน ที่เป็นแบบ family-friendly อาจมีพื้นที่ให้ลูกพอวิ่งเล่นได้  ให้เค้ามีโอกาสได้ปรับตัว

การเลือกร้านอาหารก็สำคัญ
ถ้าร้านอาหารนั้น fancy เกินไป หรือบรรยากาศไม่ได้เป็นแบบ kid-friendly ร้านนั้นอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการฝึกลูกให้นั่งทานอาหารอยู่แบบนิ่งๆ โดยไม่ใช้จอมาเป็นตัวล่อ คุณ Liora Selrzer, parent coach ได้แนะนำไว้

สอนลูกว่าการออกไปทานอาหารนอกบ้าน คือ “เรื่องใหญ่”
เราอาจสามารถค่อยๆ สอนลูกตั้งแต่ยังเล็กว่า การออกไปทานอาหารนอกบ้าน ไม่ได้เหมือนการกินข้าวที่บ้าน หรือเป็นการออกไปเล่นนอกบ้าน เพราะบางครั้งถ้าเราบอกลูกว่ามันคือเรื่องใหญ่ เด็กสามารถเข้าใจและพยายามทำตัวให้เหมาะสมเพราะเค้ารู้ว่าสำคัญ 

เตรียมตัว เลือกดูเมนูอาหารไปจากที่บ้าน
ลูกของคุณอาจรู้สึกประหม่าและเครียดได้ เมื่อเราไปถึงร้านอาหารแล้วเริ่มกดดันในการเลือกสั่งอาหาร เช่นอันนู้นก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่ได้ การเลือกเมนูแล้วพูดคุยตกลงกับลูกก่อนไปสนามจริง อาจเป็นตัวช่วยให้ง่ายขึ้น และไม่กดดันคนอื่นๆ เช่นเดียวกัน


การตั้งเป้าหมาย No จอ แล้วทำให้ลูกสนุกขึ้นกับการทำอย่างอื่นแทน
พูดคุยตกลงกับลูกก่อนไปร้านอาหาร ว่าเราจะมีลิมิตหรือชาเลนจ์ในการดูจอ เช่น เล่นเกมส์ไม่ดูจอหลังนั่งบนโต๊ะอาหาร แล้วหากิจกรรมพูดคุยอย่างอื่นกับลูกแทน เราอาจพกสมุดวาดภาพระบายสีเพื่อให้ลูกได้มีสมาธิจดจ่อโดยที่ไม่ต้องร้องขอจอ หรืออาจเป็นการเล่นตอบคำถามได้พูดคุยกับพ่อแม่ แล้วสามารถให้ของรางวัลเพื่อตอบแทนบ้างก็ได้ ที่ลูกยอมนั่งทานอาหารง่ายๆ โดยที่ไม่วิ่งวุ่น และโวยวาย แถมไม่ต้องติดจออีกด้วย

Tips เหล่านี้ อาจเห็นผลกับเด็กหลายๆ คน แต่ถ้าบางคนไม่สามารถอยู่นิ่งได้ หรือเราพยายามเท่าไหร่แล้วก็ไม่เป็นผล สถานการณ์เหล่านี้เราสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ บางทีอาจต้องใช้เวลาหรือรอให้ลูกเราโตขึ้นอีกนิด แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถพาลูกออกไปทานข้าวนอกบ้านได้เลย

source:https://www.parents.com/
-->