Spiritual Tourism เที่ยวเชิงจิตวิญญาณ เติมชีวิตใหม่ สดใสยิ่งกว่าเดิม
ในโลกที่วุ่นวายของเมืองใหญ่ และความสงบที่หาได้ยากในเมืองที่เต็มไปด้วยแสงและเสียง แม้จะดูเป็นสถานที่ที่น่าจะสร้างชีวิตชีวา หรือความบันเทิงให้กับชีวิตเรามากขึ้น แต่พอมองเข้าไปลึกๆ แล้ว เรากลับไม่รู้ว่าทำไมเรามาอยู่ตรงนี้ สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันเรียกว่าการผ่อนคลายได้จริงไหม? หรือบางทีเราอาจต้องการสถานที่สักแห่งที่เป็นจุดเซฟ ‘ใจ’ ของเรา ให้กลับมาสงบยิ่งขึ้น ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นที่เราอยากให้แนะนำการท่องเที่ยวที่ไม่ใหม่ไม่เก่า ที่เรียกว่า “การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ” (Spiritual Tourism)การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ (Spiritual Tourism) นิยามง่ายๆ ว่า เป็นการท่องเที่ยวที่เน้นการพัฒนาในเชิงจิตใจ เพื่อที่จะใช้การท่องเที่ยวพัฒนาหรือยกระดับคุณภาพชีวิตหรือการดำเนินชีวิตประจำวันให้ดียิ่งขึ้น หรือบางคนที่เจอความเจ็บปวดมาเกือบทั้งชีวิต เลยอยากเที่ยวเพื่อออกตามหาความหมายของชีวิต อาจจะฟังดูเป็นนามธรรมไปหน่อย แต่ถ้าขยายให้เห็นภาพเป็นรูปเป็นร่างก็ยกตัวอย่างได้ว่า เป็นการท่องเที่ยวในเชิงบำบัดจิตใจ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้มากถึง 5 หมวด
หมวด 1 เป็นการบำบัดที่เน้นที่จิตใจโดยตรง เช่น ทำสมาธิ วิปัสสนา
หมวด 2 การบำบัดโดยใช้พลังงาน เช่น การสัมผัสรักษา เรกิ (เทคนิคการรักษาโดยใช้พลังงานแบบหนึ่งของญี่ปุ่น)
หมวด 3 ใช้การฝึกฝนร่างกายเพื่อบำบัดจิตใจ เช่น ไทชิ รำไทเก็ก กังฟู
หมวด 4 ศึกษาด้านโภชนาการเพื่อสุขภาพ เช่น Mediterranean diet, อาหารคลีน
หมวด 5 การให้คำปรึกษาด้านจิตใจและจิตบำบัด เช่น สถานปฏิบัติธรรม หรือ ห้องสมุดมนุษย์ ของเดนมาร์ก
หมวด 3 ใช้การฝึกฝนร่างกายเพื่อบำบัดจิตใจ เช่น ไทชิ รำไทเก็ก กังฟู
หมวด 4 ศึกษาด้านโภชนาการเพื่อสุขภาพ เช่น Mediterranean diet, อาหารคลีน
หมวด 5 การให้คำปรึกษาด้านจิตใจและจิตบำบัด เช่น สถานปฏิบัติธรรม หรือ ห้องสมุดมนุษย์ ของเดนมาร์ก
โดยในไทยเองก็มีสถานที่เที่ยวเชิงจิตวิญญาณอยู่ด้วยเหมือนกัน เพียงแต่เราไม่ค่อยรู้ว่ามันนับเป็นเชิงจิตวิญญาณได้เหมือนกัน อ้างอิงจากงานวิจัยของคนไทยในประเด็น การพัฒนาจุดหมายปลายทางแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เลือกปักหมุดไปที่เชียงใหม่โดยตรง เพราะถือเป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณมาเที่ยวเยอะติด 1 ใน 3 ลำดับแรกในไทย รวมถึงมีศูนย์สมาธินานาชาติเยอะที่สุดในไทยเช่นกัน แนะนำให้ลองไปตำตามลิสต์นี้เลย
1. วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) อำเภอเมืองเชียงใหม่
2. วัดอุโมงค์ สวนพุทธธรรม อำเภอเมืองเชียงใหม่
3. วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อำเภอจอมทอง
4. วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่
5. ศูนย์ปฏิบัติธรรม วัดถ้ำดอยโตน อำเภอแม่วาง
2. วัดอุโมงค์ สวนพุทธธรรม อำเภอเมืองเชียงใหม่
3. วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อำเภอจอมทอง
4. วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่
5. ศูนย์ปฏิบัติธรรม วัดถ้ำดอยโตน อำเภอแม่วาง
หรือจังหวัดอื่นๆ ก็มีเช่นกัน เช่น อุทยานสวรรค์ จ.นครสวรรค์ วัดพระใหญ่ จ.ภูเก็ต วัดเทพมณเฑียร กรุงเทพมหานครฯ หรือจะไปตามจังหวัดต่างๆ ที่รองรับการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณก็ไปตามจังหวัดเหล่านี้ได้เลย
ภาคกลาง : กรุงเทพฯ กำแพงเพชร นครนายก นครสวรรค์ ปทุมธานี เพชรบูรณ์ สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี อุทัยธานี
ภาคตะวันตก : กาญจนบุรี เพชรบุรี ราชบุรี
ภาคตะวันออก : จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : นครราชสีมา นครพนม บึงกาฬ บุรีรัมย์ มุกดาหาร เลย ศรีสะเกษ สกลนคร
ภาคใต้ : ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต ระนอง สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
ภาคเหนือ : เชียงใหม่ พิษณุโลก แพร่ อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน
ภาคตะวันตก : กาญจนบุรี เพชรบุรี ราชบุรี
ภาคตะวันออก : จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : นครราชสีมา นครพนม บึงกาฬ บุรีรัมย์ มุกดาหาร เลย ศรีสะเกษ สกลนคร
ภาคใต้ : ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต ระนอง สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
ภาคเหนือ : เชียงใหม่ พิษณุโลก แพร่ อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน
สรุปจบให้ในท่อนเดียวเลยก็คือ การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณจะเป็นการท่องเที่ยวเพื่อเน้นให้เราหาความสงบในจิตใจเราเป็นหลัก เพื่อเติมเต็มไฟในชีวิต ลดปัญหาคาราคาซังที่ฝังอยู่ในใจมาเนิ่นนาน เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ค้นหาความหมายของชีวิตที่ลึกซึ้งกว่าครั้งไหนๆ ถ้าใครเคยลองออกไปเที่ยวแบบนี้ดู ไม่แน่ว่าคุณอาจได้พบเจอแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่ตามหามาเนิ่นนานก็ได้นะ