ไม่ทักรักไม่เกิด อยากได้ใจเขามาครองแต่จะลองทักก่อนทำไมกลับยากเย็นเหลือเกิน
ถ้าพูดถึงความรัก ใครๆ ก็คงนึกถึงภาพตอนตัวเองอยู่วัยเรียน เสียงออดดังทีไร ก็อยากวิ่งผ่านหน้าห้องเขาให้เขาได้เชยชมแทบจะทุกคาบ แต่พอเจอหน้ากันข้างนอกทีไร ใจกลับไม่อยากทักทุกที อยากทักเขาก่อน แต่เป็นฝ่ายที่ ‘ไม่กล้า’ นี่เราทำทรงไปทำไมนะ?
เรื่องนี้ย่อมมีเงื่อนงำ เพราะหลายครั้งที่เราไม่กล้าทักอีกฝ่ายไปก่อน ก็มาจากความรู้สึกกลัว ‘การถูกปฏิเสธ’ เพราะพื้นฐานความคิดที่ว่า “คงไม่มีใครชอบเรามากขนาดนั้นหรอก” ซึ่งบางคนก็มีประสาทรับรู้ความรู้สึกของการถูกปฏิเสธไวกว่าชาวบ้าน เรียกว่า Rejection Sensitivity
Rejection Sensitivity เป็นคำพูดรวมๆ อธิบายความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกเพื่อน คนในครอบครัว หรือจากคน(แอบ)รักปฏิเสธ โดยหลังจากที่ถูกปฏิเสธไปแล้ว ความรู้สึกหน่วงๆ เจ็บๆ จะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงมากกว่าคนอื่นๆ ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าตัวเองเป็นพวกไวต่อความรู้สึกถูกปฏิเสธขนาดไหน ลองเช็กตัวเองตามนี้ดู
- ตีความไปว่าถ้าอีกฝ่ายตอบช้า ไม่ตอบในทันที แปลว่าเขาปฏิเสธเราแล้ว
- คิดไปเองว่าจะเลิกกับแฟน ถ้าแฟนมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย
- คิด หรือหมกมุ่นอยู่แต่กับเพื่อนที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ แทนที่จะไปใช้เวลากับเพื่อนที่สนิทจริงๆ
- รู้สึกเจ็บทางกายด้วยเวลาที่ถูกปฏิเสธ
- ต้องการการยืนยันหรือความมั่นคงในความเป็นเพื่อน แฟน หรือความสัมพันธ์อื่นๆ อยู่ตลอดเวลา
- มักระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อมีท่าทีจะถูกปฏิเสธ
ซึ่งสาเหตุของความกลัวเหล่านี้มาจากประสบการณ์ในวัยเด็ก หรือที่ชอบเรียกกันว่า Childhood trauma ที่ส่งผลต่อความสามารถในการสร้างความผูกพันทางอารมณ์ที่เข้มข้น ทำให้เกิดความสงสัยว่า เราสามารถมีความผูกพันลึกซึ้งกันคนนี้ได้จริงๆ ไหมนะ เพราะอดีตเราเคยเจอมาเจ็บปวด
โดยต้นเหตุของการเกิด Trauma เหล่านี้เกิดได้หลายเหตุ เช่น เคยโดนทารุณกรรมในวัยเด็ก เคยโดนลงโทษรุนแรงมาก่อนจนไม่กล้าสุงสิงกับใคร พ่อแม่มีเงื่อนไขด้านความรัก เช่น ถ้าทำคะแนนสอบไม่ถึงจะไม่พาไปทำในสิ่งที่ชอบ ความรุนแรงในครอบครัวทำให้ยิ่งไม่ไว้ใจใคร การถูกเพื่อนๆ ปฏิเสธไม่ยอมเล่นด้วย และการถูกละเลยทางอารมณ์บ่อยๆ จนพอโตขึ้นก็ชินชาจากการถูกละเลย การบุลลี่ บางคนยังรวมไปถึงความผิดปกติทางสมอง หรือยีน แต่อันนี้จะเป็นส่วนน้อยไม่เท่าปัจจัยอื่นๆ
แต่สำหรับเด็กคนหนึ่ง แค่โดนเพื่อนทั้งกลุ่มปฏิเสธไม่ให้มาเล่นด้วยก็เสียใจมากแล้ว ไม่แปลกเลยถ้าโตมาแล้วจะไม่มั่นใจในความสัมพันธ์กับเพื่อน หรือคนรัก ทำให้ไม่กล้าคุยกับใครก่อน แม้เราจะชอบเขามากแค่ไหนก็ตาม หรืออีกฝ่ายจะแสดงท่าทีโอเคมากๆ ถ้าเราทักเขาก่อนก็ตาม
ถ้าอยากทักใครก่อน เริ่มยังไงดี?
มีหลากหลายวิธีในการเริ่มต้นทักใครก่อน หรือเริ่มบทสนทนา วิธีเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้กับคนที่เราอยากจีบ แต่ใช้กับการหาเพื่อนใหม่ หรือเพิ่มคอนเนคชันได้ด้วย1. ถามข้อมูลง่ายๆ การถามนับเป็นอีกวิธีในการเริ่มบทสนทนาที่ดี ใช้ได้ทั้งกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วอยากทำความรู้จัก หรือกับคนที่รู้จักกันมาประมาณหนึ่งแล้ว อยากรู้จักกันเพิ่มขึ้นอีกก็ถามคำถามเขาไปเลย เริ่มจากคำถามง่ายๆ เช่น ทำงานอะไรอยู่ ชอบทำกิจกรรมอะไร
2. ชมเชยบ้าง คนทุกคนต้องการการยอมรับจากสังคมอยู่แล้ว การชมจะสร้างความประทับใจให้กับคนฟังมากขึ้น และเพิ่มความกล้าให้กับอีกฝ่าย เขาก็จะจดจำเราได้ในฐานะผู้ซัพพอร์ตที่ดี
3. ชวนคุย หรือคอมเมนต์เหตุการณ์ที่มีร่วมกัน อันนี้เหมาะกับคนที่รู้จักกันมาประมาณหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกันลึกซึ้ง สามารถชวนคุยเหตุการณ์หรือเรื่องเล่าอะไรที่มีร่วมกันได้ เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองของกันและกันได้ด้วย
4. ขอความช่วยเหลือ หรือเข้าไปช่วยเขา ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายมีปัญหา และเรามีความสามารถที่จะเอื้อมมือเข้าไปช่วยเขาได้ ทำซะ เพราะจะเป็นการสร้างความประทับใจที่ไม่รู้ลืม และยิ่งเป็นสถานการณ์ที่สำคัญมากและเราช่วยเขาได้ แทบจะเรียกได้ว่า จำไปจนตายเลยล่ะ
5. ถามความเห็น เช่นกัน วิธีนี้เหมาะกับคนที่รู้จักกันมาแล้ว แต่ก็ใช่ว่าคนที่ไม่เคยรู้จักจะใช้วิธีนี้ไม่ได้ ถ้าเรามีไอจีเขา หรือปัดเจอกันในทินเดอร์ พยายามมองหาจุดที่แสดงความเป็นตัวตนเขาให้ได้ และเอาจุดนั้นมาเป็นประเด็นในการขอความเห็น เช่น เราเลี้ยงแมว เขาก็เลี้ยงแมว ก็ถามไปเลยว่า “บ้านเธอให้อาหารแมวยี่ห้ออะไร”
6. ถามเกี่ยวกับตัวเขาเอง ผู้คนโดยปกติแล้วจะชอบให้เล่าเรื่องของตัวเอง หาหัวข้อที่คนคนนั้นสนใจและยืนดีที่จะพูดถึงเกี่ยวกับตัวเอง เช่น บ้านเธอเป็นลูกคนจีน ปกติตอนเด็กๆ ต้องไหว้ตรุษจีนทุกปีไหม? อะไรแบบนี้
2. ชมเชยบ้าง คนทุกคนต้องการการยอมรับจากสังคมอยู่แล้ว การชมจะสร้างความประทับใจให้กับคนฟังมากขึ้น และเพิ่มความกล้าให้กับอีกฝ่าย เขาก็จะจดจำเราได้ในฐานะผู้ซัพพอร์ตที่ดี
3. ชวนคุย หรือคอมเมนต์เหตุการณ์ที่มีร่วมกัน อันนี้เหมาะกับคนที่รู้จักกันมาประมาณหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกันลึกซึ้ง สามารถชวนคุยเหตุการณ์หรือเรื่องเล่าอะไรที่มีร่วมกันได้ เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองของกันและกันได้ด้วย
4. ขอความช่วยเหลือ หรือเข้าไปช่วยเขา ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายมีปัญหา และเรามีความสามารถที่จะเอื้อมมือเข้าไปช่วยเขาได้ ทำซะ เพราะจะเป็นการสร้างความประทับใจที่ไม่รู้ลืม และยิ่งเป็นสถานการณ์ที่สำคัญมากและเราช่วยเขาได้ แทบจะเรียกได้ว่า จำไปจนตายเลยล่ะ
5. ถามความเห็น เช่นกัน วิธีนี้เหมาะกับคนที่รู้จักกันมาแล้ว แต่ก็ใช่ว่าคนที่ไม่เคยรู้จักจะใช้วิธีนี้ไม่ได้ ถ้าเรามีไอจีเขา หรือปัดเจอกันในทินเดอร์ พยายามมองหาจุดที่แสดงความเป็นตัวตนเขาให้ได้ และเอาจุดนั้นมาเป็นประเด็นในการขอความเห็น เช่น เราเลี้ยงแมว เขาก็เลี้ยงแมว ก็ถามไปเลยว่า “บ้านเธอให้อาหารแมวยี่ห้ออะไร”
6. ถามเกี่ยวกับตัวเขาเอง ผู้คนโดยปกติแล้วจะชอบให้เล่าเรื่องของตัวเอง หาหัวข้อที่คนคนนั้นสนใจและยืนดีที่จะพูดถึงเกี่ยวกับตัวเอง เช่น บ้านเธอเป็นลูกคนจีน ปกติตอนเด็กๆ ต้องไหว้ตรุษจีนทุกปีไหม? อะไรแบบนี้
หรือถ้าสุดแล้วจริงๆ ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไง ลอง 13 คำถาม Ice breakers นี้ได้ เอาแบบดาวรุ่ง มุ่งแต่เจาะน้ำแข็งเข้าไปเลย
1. หนังสือเล่มโปรดของคุณคืออะไร? (ถ้าอีกฝ่ายเป็นพวกชอบอ่านหนังสือ)
2. ช่วงนี้อ่านอะไรอยู่?
3. ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ดูคือเรื่องอะไร? ชอบหรือไม่ชอบอะไรในภาพยนตร์เรื่องนั้น?
4. ภาพยนตร์เรื่องโปรดของคุณคืออะไร?
5. ถ้าสามารถเรียนรู้ทักษะหรือพลังอะไรก็ได้ทันที จะเลือกทักษะหรือพลังอะไร?
6. ทริปไปเที่ยวที่ประทับใจที่สุดคือทริปไหน?
7. ครั้งต่อไปอยากไปเที่ยวที่ไหน?
8. ได้เคยทำอะไรในรายการที่อยากทำใน Bucket List ยัง?
9. ถ้ามีเวลาเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง จะเอาเวลานั้นไปทำอะไร?
10. ถ้าสามารถกลายร่างเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งได้ จะอยากเป็นอะไร และทำไม?
11. มีใครที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน หรือการใช้ชีวิตของคุณไหม?
12. คำแนะนำด้านอาชีพที่มีค่าที่สุดที่เคยได้รับคืออะไร?
13. กิจกรรมที่ชอบทำที่สุดคืออะไร?
2. ช่วงนี้อ่านอะไรอยู่?
3. ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ดูคือเรื่องอะไร? ชอบหรือไม่ชอบอะไรในภาพยนตร์เรื่องนั้น?
4. ภาพยนตร์เรื่องโปรดของคุณคืออะไร?
5. ถ้าสามารถเรียนรู้ทักษะหรือพลังอะไรก็ได้ทันที จะเลือกทักษะหรือพลังอะไร?
6. ทริปไปเที่ยวที่ประทับใจที่สุดคือทริปไหน?
7. ครั้งต่อไปอยากไปเที่ยวที่ไหน?
8. ได้เคยทำอะไรในรายการที่อยากทำใน Bucket List ยัง?
9. ถ้ามีเวลาเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง จะเอาเวลานั้นไปทำอะไร?
10. ถ้าสามารถกลายร่างเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งได้ จะอยากเป็นอะไร และทำไม?
11. มีใครที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน หรือการใช้ชีวิตของคุณไหม?
12. คำแนะนำด้านอาชีพที่มีค่าที่สุดที่เคยได้รับคืออะไร?
13. กิจกรรมที่ชอบทำที่สุดคืออะไร?
ความกลัวการถูกปฏิเสธอาจทำให้เราหวาดกลัวการทักทายคนที่ชอบหรือคนที่อยากทำความรู้จัก แต่การเริ่มต้นด้วยคำถามง่ายๆ ที่เราแปะไว้ให้ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสร้างความสัมพันธ์และลดความกังวลลงได้ จะรออะไรล่ะ ทักไปหาเขากันเลย!
อ้างอิง
https://www.verywellhealth.com/rejection-sensitivity-vs-rsd-5271409#toc-causes-of-rejection-sensitivityhttps://www.verywellmind.com/what-is-rejection-sensitivity-4682652#:~:text=Rejection%20sensitivity%20isn't%20caused,with%20biological%20factors%20and%20genetics.
https://www.psychologytoday.com/intl/basics/rejection-sensitivity#perceptions-of-the-sensitive
https://www.indeed.com/career-advice/career-development/how-to-start-a-conversation