Emotional Battery จัดการอารมณ์ยังไงให้สมดุล ในวันที่ชีวิตมีแต่รูพรุน

เคยเป็นไหม? ก่อนออกจากบ้านก็พลังงานเต็มเปี่ยม แต่พอออกไปเจอคนเยอะๆ กลับรู้สึก “ไม่ไหวแล้ว อยากพุ่งตัวกลับห้องตอนนี้เลย” นี่คือส่วนหนึ่งของอาการที่เกิดขึ้นจาก Emotional battery drain out หรือ พลังงานทางอารมณ์ที่ถูกรีดออกไปจนหมด ซึ่งนับเป็นสิ่งที่เราต้องรักษาไว้ในแต่ละวันให้ชีวิตเรายังปกติอยู่ได้ 


 

Emotional battery คือ?

มันก็คือแหล่งพลังงานที่เราจำเป็นต้องใช้สำหรับการจัดการทางอารมณ์ ความคิด และการกระทำที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน เช่น ความเครียด การรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อน ครอบครัว ที่ทำงาน หรือแฟรน และรักษาร่างกายและจิตใจให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่แตกสลายไปเสียก่อน ทำหน้าที่คล้ายๆ Power bank ที่เราต้องพกไปชาร์จมือถือทุกที่นั่นแหละ 

แต่พลังงานทางอารมณ์พวกนี้วันๆ นึงจะหมดเร็วมาก เพราะมีหลายปัจจัยที่ทำให้มันหมดออกไปเร็ว โดยเฉพาะกิจกรรมบางอย่าง เช่น ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ (ทะเลาะกับแฟน ทะเลาะกับที่บ้านบ้าง) ความเครียดในที่ทำงาน ความสูญเสียและความโศกเศร้า และอารมณ์ด้านลบอื่นๆ ที่เกิดจากสถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เราไม่สบายใจ เป็นผลให้เกิดอาการหรือภาวะผิดปกติที่เราสังเกตได้ เช่น นอนไม่ค่อยหลับ หลับๆ ตื่นๆ สุขภาพโดยรวมแย่ลง ภาวะ Burnout ก็ถือเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

และในทางตรงกันข้าม อารมณ์เชิงลบที่ทำให้เราสดใส เบิกบานก็ช่วยเติมความสดชื่น ยิ้มได้ทั้งวันแน่นอน เช่น การได้ปรับเลื่อนขั้นในที่ทำงาน การประสบความสำเร็จที่เราต้องใจทำมานาน การได้ใช้เวลากับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน หรือแม้แต่กอดอุ่นๆ จากลูกหลายก็ทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองหลายคนใจชื้นไปตามๆ กัน!
 

Emotional battery Recharge ชาร์จยังไงให้สดชื่นในทุกวัน

 
1. ใช้อารมณ์นำเป็นสัญชาตญาณ
อารมณ์เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบความคิด เป็นสติสัมปชัญญะโดยทั่วไปต่อบางคนหรือบางสิ่ง คล้ายกระแสน้ำที่ไหลผ่านมือเรา ถ้าน้ำไหลเอื่อย นั่นคือความสงบ แต่เมื่อไหร่ที่น้ำไหลแรง และเปลี่ยนสี นั่นหมายถึงอารมณ์เรากำลังแย่ ต้องการที่พักใจด่วน
 
2. ดูแลตัวเองให้ดี
วิธีที่ชาร์จพลังอารมณ์ตัวเองที่ดีที่สุด คือการตามใจตัวเองว่าตั้งใจอยากทำอะไร ถ้าทำงานทั้งวันแล้วมันยม มันอ่อม เหนื่อยไม่อยากเจอใคร แต่ถ้าเย็นนี้อยากไปตี้ร้านดังกับเพื่อนสนิท ก็ไปเลยไม่ว่ากัน หรือจะเจียดเงินบางส่วนไปนวดผ่อนคลาย หรือแช่น้ำออนเซ็นก็ดีไปอีกแบบ
 
3. หัวเราะให้ดังๆ
การหัวเราะคือยาวิเศษ ทุกครั้งที่คุณหัวเราะ สมองจะหลั่งเอนโดรฟิน ที่ช่วยลดฮอร์โมนเครียด และยังเพิ่มภูมิคุ้มกันด้วย ถ้าคุณมีเพื่อนสายฮา ตบมุกเก่ง ยกหูโทรหาเลยตอนนี้แล้วแจ้นไปหาเพื่อนเลย หรือถ้ามีหนัง ซีรีส์ เกม หรืออะไรสนุกๆ ดูแล้วตลก กลับบ้านไปดูโลด
 
4. แบ่งเวลามาเติมความสงบ
อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลมาแล้วกว่า 2000 ปี แล้วทุกวันนี้ก็ยังมีคนทำกันอยู่ คือการทำสมาธิ การฝึกตัวเองให้อยู่กับปัจจุบันและอยู่กับตัวเอง ทำให้เราได้ไตร่ตรองตัวเองมากขึ้น ความเงียบจะขัดเกลาพลังใจของเราให้สมบูรณ์มากขึ้น แนะนำใหัใช้เวลาสัก 5 นาที/วัน นั่งสมาธิ เคลียร์ใจ เคลียร์อารมณ์ให้ปลอดโปร่ง
 
5. อย่าปล่อยให้พลังงานทางอารมณ์มันหมดไปแล้ว ถึงเพิ่งรู้สึกตัว
ตอนพลังมันหมดไปแล้วน่ะ ไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่ผลกระทบหลังจากนั้นอ่ะ มาแน่นอน ผลกระทบที่เกิดขึ้นหากปล่อยให้ emotional battery หมดไปเลยก็จะมีประมาณนี้ รู้สึกว่าตัวเองกำลังดิ่งดาวน์ถึงขีดสุด หรือกำลังเผชิญกับภาวะ Burnout ขั้นรุนแรง และมีแนวโน้มจะกลายสภาพเป็นโรคซึมเศร้า หรือวิตกกังวลได้ รู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจได้แย่ลง ต้องใช้ความพยายามมากในการโฟกัสงานหรือกิจกรรมที่ทำอยู่ตรงหน้า ละเลยความสัมพันธ์หรืองานที่อยู่ตรงหน้าไป กลายเป็นคนหงุดหงิดง่ายและระเบิดอารมณ์ใส่เพื่อนหรือครอบครัวได้ง่ายและบ่อยๆ

ลองสังเกต emotional battery ของตัวเองในแต่ละวันดูบ้างนะครับ ถ้ารู้สึกเครียดหรือเหนื่อย ลองหาเวลาพักผ่อน หรือทำสิ่งที่ชอบให้ตัวเองบ้าง อย่าปล่อยให้พลังทางอารมณ์หมดไปจนเกินพอดี เพราะมันจะกระทบทั้งร่างกายและจิตใจได้ง่ายๆ ลองเริ่มสังเกตและดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ แล้วชีวิตจะดีขึ้นแน่นอน!
-->