เช็กลิสต์นิสัยยอดแย่ที่งานวิจัยย้ำให้คุณสามีต้อง STOP !
สถาบันสุขภาพเด็กและการพัฒนาแห่งชาติของสหรัฐฯ (U.S. government National Institute of Child Health and Development หรือ NICHD ) ได้รับทุนสนับสนุนเพื่อทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่รักอย่างคู่สมรสกว่า 160 คู่ในมหาวิทยาลัยหลุยส์วิลล์ (Louisville University) ผลการศึกษาพบว่า ในความสัมพันธ์ของคู่รัก หากคนใดคนหนึ่งทำตัวน่ารังเกียจบ่อยครั้ง ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ทั้งคู่หงุดหงิดใส่กันมากขึ้นซึ่งอาจกลายเป็นภัยคุกคามต่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้ ส่วนข้อมูลจากสำนักข่าว THE UK SUNDAY TIMES บอกว่าการทำตัวน่ายี้แบบนี้ทำให้เกิดโอกาสเสี่ยงที่คู่รักจะหย่าร้างกันในอนาคตอีกด้วย ซึ่งวันนี้ เราขอเจาะจงไปที่พฤติกรรมของคุณสามีกันก่อน มาดูกันซิว่า พฤติกรรมสุดยี้ไหนบ้างที่คุณสามีเผลอทำใส่คุณภรรยาไปแล้วต้องรีบปรับตัวด่วนก่อนสายเกินแก้!โยนผ้าเช็ดตัวลงพื้น
ในงานวิจัยจาก University of Louisville เมื่อปี 2005 เรื่อง "Social allergies in romantic relationships: Behavioral repetition, emotional sensitization, and dissatisfaction in dating couples" (หน้าที่ 273-295) บอกว่า “ประสบการณ์เชิงลบครั้งแรกที่คู่รักประสบพบเจอจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้น มีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อความรู้สึกเพียงเล็กน้อย เพราะอาจทำให้รู้สึกรำคาญ แต่ทั้งนี้การที่ต้องเจออะไรที่แย่เหมือนเดิมซ้ำ ๆ เช่น เห็นผ้าเช็ดตัวเปียกๆ บนพื้นแล้วประมาณว่าคุณภรรยาต้องตามเก็บตลอด นั้นแปลว่าแนวโน้มของความรู้สึกแย่อยู่เดิมก็จะเพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณ สุดท้ายก็จะทำให้ฝ่ายที่โกรธเกิดความรู้สึกรังเกียจอีกคนขึ้นมา” รู้ยังงี้แล้วคุณสามีคนไหนมีนิสัยติดตัวแบบนี้ ต้องปรับปรุงตัวด่วนๆ เลยนะ!
ไม่รู้จักการรักษาความสะอาด
ปล่อยตัวเหม็นฉึ่ง ไม่อาบน้ำตอนกลับมาบ้าน แบบนี้คุณภรรยาจะไหวขึ้นเตียงนอนกับคุณมั้ย? เว็บไซต์ health.howstuffworks.com บอกว่า มีงานศึกษาเอาไว้ว่า ผู้หญิงทุกคนจะพร้อมใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเขามีศักยภาพในการดูแลตัวเองให้ดูดีมากพอ ที่สำคัญมันจะยิ่งช่วยให้เธอตกหลุมรักเขามากขึ้นไปด้วย และนอกเหนือจากนี้ความสะอาดของคุณผู้ชายยังเป็นตัวชี้วัดถึงระยะเวลาของความสัมพันธ์ด้วยว่าทั้งคู่จะคบกันได้ยาวนานแค่ไหน
บูลลี่เธอต่อหน้าคนอื่น
เมื่อคุณต้องเข้าสังคมกับเธอ ก็ถือว่าคู่ของคุณนั้นกำลังโชว์ความเป็นทีมเวิร์คต่อหน้าผู้อื่นอยู่ หากคุณสามีดันชอบพูดตำหนิคุณภรรยาต่อหน้าเพื่อนของเธอ หรือชอบเมาท์ถึงเธอในทางเสียหาย นั่นก็เท่ากับว่าคุณกำลังทำให้เธอดูไร้ค่านะ ที่สำคัญ! มันไม่ได้ช่วยให้คุณดูเป็นผู้มีอำนาจเหนือกว่าเธอแต่อย่างใด แต่ในทางตรงกันข้าม มันกลับทำให้คุณดูเป็นคนที่ไม่รู้จักการให้เกียรติภรรยาตัวเองซะมากกว่า
ไม่เคยพูดชื่นชมภรรยาเลย!
แม้ว่าคุณภรรยาอาจจะไม่ได้พูดตรงๆ ขณะที่คุณกำลังชื่นชมเพื่อนสาวของเธอว่าสวยกว่ามันไม่ได้แปลว่าเธอโอเคนะ ! Annalisa Barbieri นักเขียนจากสำนักข่าว The guardian ได้พูดถึงประเด็นเรื่องที่สามีไม่พูดชมภรรยาผ่านบทความของเธอว่า หนึ่งในปัญหาทางความรู้สึกของภรรยาที่มีต่อสามีจนไม่อยากร่วมรักด้วยเลยคือ “การที่ฝ่ายชายไม่เคยชื่นชมตัวเองเลย” นอกจากนี้ทางเว็บไซต์กูรูด้านการใช้ชีวิตคู่อย่าง mydomaine.com ได้บอกอีกด้วยว่า การชื่นชมกันและกันของคู่รักนั้นมีส่วนช่วยให้ฝ่ายที่ถูกชมมองเห็นคุณค่าในตัวเอง และที่สำคัญ! คำชื่นชมยังสร้างพลังงานบวกให้ความสัมพันธ์นั้นแน่นเฟ้นมากยิ่งขึ้น
ติดมือถือ 24/7
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก คุณ ทีน่า นักจิตบำบัด (Tina B. Tessina ) บอกว่าการเสพติดโซเชียลมีเดียมากเกินไปจะไปทำให้ช่วงเวลาที่คุณและคนรักควรใช้ร่วมกันนั้นลดน้อยลงไปมาก “ การเสพติดท่องโลก Facebook, Instagram, Pinterest หรือ Twitter ขณะที่คุณกำลังอยู่กับคู่รักนั้นเป็นการทำตัวที่ไม่ดีเอาซะเลย และยังไม่ช่วยสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นระหว่างกัน สุดท้ายมันจะกลายเป็นความทรงจำที่ต่างฝ่ายต่างก็คงไม่อยากนึกถึง ฉะนั้น! คุณก็ไม่ควรปล่อยให้หน้าจอมือถือหลอกล่อให้คุณละเลยเขา/เธอเด็ดขาด ”
ทำตัวเหมือนเด็ก ความคิดไม่โตซักที
อ่านมาถึงตรงนี้หวังว่าคุณผู้ชายจะรีบปรับปรุงตัวเองกันด่วนๆ น๊ะจ๊ะ ^^
ทำตัวเหมือนเด็ก ความคิดไม่โตซักที
ลำพังงานบ้าน งานเรือน…ไหนจะต้องวางแผนการเงิน วางแผนชีวิตให้กับการเลี้ยงลูก คุณผู้ชายต้องคำนึงได้แล้วว่า ภรรยาคุณแบกรับหน้าที่เยอะเกินไปแล้ว การรับมือกับสิ่งที่เธอต้องพบเจอแต่ละวัน ก็น่าจะส่งผลกระทบต่อจิตใจในระดับที่อาจจะพอรับมือไหว หรืออาจจะไม่ได้เลย คุณจำเป็นต้องคอยประคองความรู้สึกของเธอให้ผ่านพ้นปัญหาต่างๆ ให้จงได้ ซึ่งคุณผู้ชายรู้มั้ยว่า การไม่รู้จักโต หรือไม่รู้จักการวางตัวให้เป็นผู้ใหญ่มากพอแบบนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์verywellmind.com ที่บอกว่า...เคยมีนักจิตวิทยาชื่อ Dan Kiley จัดให้พฤติกรรมนี้เป็นอาการของโรคผิดปกติทางจิตที่ชื่อว่า “Peter Pan Syndrome” เมื่อปี 1983 แต่ทั้งนี้ ในปัจจุบันยังไม่ได้มีการจัดว่านี่เป็นโรคทางจิตเวชอย่างเป็นทางการนะ
อ่านมาถึงตรงนี้หวังว่าคุณผู้ชายจะรีบปรับปรุงตัวเองกันด่วนๆ น๊ะจ๊ะ ^^