พอพูดถึง “ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ” สิ่งแรกที่คุณกังวล คืออะไร
 

                สมรรถภาพของน้องชาย

                มีลูกไม่ได้
 

ไม่น่าแปลกใจ เพราะคนส่วนใหญ่ก็กังวลแบบเดียวกันกับคุณ แต่บอกไว้เลยว่าฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้ส่งผลร้ายกับแค่เรื่องความหึกเหิมบนเตียง แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพหลายด้าน และอาจมากจนคุณคิดไม่ถึงเลยละ

 

“ปลุกความเป็นชายในตัวคุณ” คำนี้ก็พอที่จะเป็นหนึ่งในคำนิยามหน้าที่หลักของฮอร์โมนเพศชายได้ดี ทันทีที่คุณก้าวผ่านจากเด็กชายมาสัมผัสกับความเป็นวัยรุ่น ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนก็จะเริ่มแสดงบทบาทของตัวเองอย่างแข็งขัน ทำให้เริ่มมีนวดเครา เสียงเริ่มห้าว ร่างกายดูกำยำเนื่องจากมวลกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งขึ้น โดยทั่วไปผู้ชายจะมีระดับฮอร์โมนเพศชายอยู่ที่ 300-1000 นาโนกรัม/เดซิลิตร โดยระดับฮอร์โมนจะสูงที่สุดในช่วงวัยรุ่นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น หลังจากนั้นร่างกายจะเริ่มผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลงประมาณ 1.6 เปอร์เซ็นต์ทุกปี จึงมักลดลงอย่างเห็นได้ชัดวัยกลางคน หรือเมื่อมีอายุ 60 ปีขึ้นไป

ฮอร์โมนเพศผิดปกติก่อนวัย เสี่ยงโรคร้ายถามหา

หากคุณยังฟิต และมั่นใจว่าตัวเองยังไม่ใช่วัย 60 ปี แต่เริ่มมีอาการหลงลืมบ่อย สมาธิความจำสั้น หงุดหงิดง่าย กระสับกระส่าย วิตกกังวล ร้อนวูบวาบ ปวดตามข้อ ปวดเมื่อยตามร่างกายทั้งๆ ที่ไม่ได้มีกิจกรรมหนัก เคยแบกของได้เป็นกิโลๆ ตอนนี้ยกอะไรแทบไม่มีเรี่ยวแรง เหนื่อยหน่ายไม่อยากจะทำอะไร อ่อนเพลีย หนังท้องตึงทีไรพาลให้หนังตาจะปิดทุกที รวมไปถึงเจ้าน้องชายตัวดีก็ดูจะไม่ขยันทำงาน คุณอาจกำลังเสี่ยงภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย (Hypogonadism) โดยไม่รู้ตัว และความไม่สมดุลของฮอร์โมนที่เกิดขึ้นนี่ละที่อาจทำให้คุณเสี่ยง…

 

สถาบัน National Institute of Arthritis and Musculoskeletal Diseases ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ผู้ชายที่มีภาวะฮอร์โมนเพศต่ำ มักพบกับการสูญเสียมวลกระดูก เช่นเดียวกับผู้หญิงในช่วงวัยหมดประจำเดือน จึงมีโอกาสที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หกล้ม หรือเพียงแค่กระแทกเบาๆ ก็ทำให้เกิดกระดูกเปราะได้

 

เพราะอีกหนึ่งบทบาทของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน คือการกระตุ้นสมองให้เกิดการหลั่งโดปามีน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ควบคุมอารมณ์และความรู้สึก โดยเฉพาะอารมณ์มีความสุข ดังนั้นระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่ไม่สมดุลจึงอาจกระตุ้นให้การหลั่งโดปามีนผิดปกติ ทำให้อารมณ์แปรปรวน รู้สึกเฉื่อยชา อ่อนเพลีย นำไปสู่อาการซึมเศร้าได้ในที่สุด

 

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ สหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างชายชาวจีนที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป จำนวน 153 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมี 47 คน ที่มีปัญหาด้านความทรงจำเล็กน้อย พบว่าเมื่อผ่านไป 1 ปี มีชาย 10 คนที่มีปัญหาด้านความทรงจำที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในเนื้อเยื่อของร่างกายต่ำ นั่นจึงเป็นการเชื่อมโยงสำคัญที่ทำให้พบว่าการมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำอาจทำให้คุณเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์มากขึ้น

 

Ronald Tamler ผู้อำนวยการศูนย์โรคเบาหวาน Mount Sinai นิวยอร์ก ได้อธิบายไว้ว่า เซลล์กล้ามเนื้อมีตัวรับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่เรียกว่าแอนโดรเจน หากไม่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน การซ่อมแซม ฟื้นฟู กล้ามเนื้อจะหยุดชะงักลง และเสื่อมโทรมไป จนกลายเป็นการสูญเสียกล้ามเนื้อ ส่งผลให้กล้ามเนื้อลีบและอ่อนแรง โดนส่วนมากจะแสดงออกในลักษณะ กำมือถือของไม่ได้ เดินสะดุดหรือหกล้มบ่อยๆ ลุกขึ้นยากลำบาก และหากลุกลามมากขึ้นก็อาจทำให้ พูดไม่ชัด พูดเหมือนลิ้นแข็ง ลำสักเวลารับประทานอาหาร หายใจลำบากได้

 

ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ มีส่วนทำให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายมีประสิทธิภาพลดน้อยลง ทำให้ปริมาณไขมันสะสมในร่างกายเพิ่มมากขึ้น น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น เสี่ยงไขมันอุดตันหลอดเลือด โดยมีหลายงานวิจัยที่พบว่าชายสูงอายุที่มีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำจะมีแนวโน้มเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น

 

ก็บอกแล้วว่า… แค่ฮอร์โมนเพศชายไม่สมดุล อาจทำร่างกายเสียหายได้มากกว่าแค่เรื่องบนเตียง และก็อย่ามัวชะล่าใจ เพราะไม่ว่าวัยไหนคุณก็มีโอกาสเป็น ทางที่ดีขอแนะนำให้ออกกำลังกายเป็นประจำ วางเรื่องเครียดเอาไว้หน่อย และอย่าลืมเลือกทานสิ่งดีๆ ที่มีประโยชน์ ทานครบ 5 หมู่ หรือเสริมด้วย VITA-M ที่เค้าอุดมไปด้วยสารสกัดสารสกัดหอยนางรม (Oyster Extract), แอล-อาร์จินีน (L-Arginine), กรดโฟลิก (Folic Acid), โคเอ็นไซม์คิว10 (Coenzyme Q10) และวิตามินที่จำเป็นต่อสุขภาพของผู้ชายโดยเฉพาะ ก็จะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศชายให้ปึ๋งปั๋ง ฟิตเปรี๊ยะ และลดความเสี่ยงโรคที่ตามมาได้อีกทางหนึ่ง