"ผัวเมียยิ่งทะเละกัน ลูกจะยิ่งดก" นี่อาจเป็นคำพูดที่สะท้อนความเป็นจริงของชีวิตคู่ว่าการกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา และผลลัพท์ที่ตามมาก็มักมี 2 ทางใหญ่ๆ คือ "ห่างกันซักพัก" ให้อารมณ์ได้เย็นลง หรือไม่ก็พร้อมใจกันจัด "เซ็กส์คืนดี" หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Makeup sex กระโจนเข้าหากันด้วยความรู้สึกพุ่งพล่าน ใช้ sex เป็นเครื่องมือสร้างสันติ

ใครที่เคยมีประสบการณ์แนวๆ นี้คงพอจะรู้ว่ารสเซ็กส์ที่เกิดขึ้นหลังการทะเลาะนั้นเข้มข้นยิ่งกว่าต้มยำกุ้งน้ำข้น เป็นการบรรเลงเพลงรักที่ค่อนข้างหนักหน่วงและรุนแรงกว่าปกติ... แต่ Makeup sex ที่เกิดหลังจากการทะเลาะกันแบบนี้ ดีต่อชีวิตคู่จริงหรอ?

อาจจะดูแปลกนิดหน่อย ที่อยู่ๆ ความโมโหก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกทางเพศ... โดย ลูซี่ โรเว็ตต์ นักเพศศาสตร์คลินิกจากสหราชอาณาจักร บอกว่า เราทุกคนต่างมีความไม่พอใจซ่อนอยู่และพลังงานบางอย่างที่รอการปะทุ ซึ่งในการทะเลาะกันนั้นต่างฝ่ายต่างก็มีอารมณ์พุ่งพล่านและพร้อมระเบิดใส่อีกฝ่าย และบ่อยครั้งที่มันถูกแปลสภาพไปเป็นความต้องการทางเพศ

ขณะที่ แพม แชฟเฟอร์ นักจิตบำบัดครอบครัวจากแคลิฟอร์เนีย บอกว่า Makeup sex เหมือนเป็นเครื่องยืนยันว่าคุณทั้งคู่ยังมีความต้องการกันและกันและความสัมพันธ์ที่ร่วมสร้างมาจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง... และสำหรับบางคนที่กลัวความขัดแย้ง การทะเลาะกันจะทำให้พวกเขาระแวงว่าความสัมพันธ์อาจถึงจุดจบ เซ็กส์จึงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้พวกเขามั่นใจว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม

 

และใครที่ตั้งใจว่าจะคุยกันดีๆ แต่ก็จบลงเตียงทุกครั้ง นั่นอาจเพราะสัญชาตญาณสัตว์ที่มีอยู่ในตัวคุณ โดย ดร.จัสติน เลฟ์มิลเลอร์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอินเดียนา สหรัฐอเมริกา ได้อธิบายไว้ว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะเซ็กส์ช่วยคลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ยอมรับเถอะว่ากิจกรรมแบบเนื้อแนบเนื้อช่วยให้คุณทั้งคู่หายเครียด และทำให้ความสัมพันธ์ก้าวหน้าไปอีกขั้นได้เร็วขึ้น

เซ็กส์คืนดีขึ้นชื่อว่าดุ เด็ด เผ็ดร้อน และอาจเป็นเซ็กส์ที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ได้... แล้วเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมความรู้สึกหงุดหงิด โกรธ โมโห ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากคุยกับคนๆ หนึ่งตอนทะเลาะกัน จึงเปลี่ยนเป็นความต้องการและเซ็กส์ที่ร้อนแรงได้ ?

ในทางจิตวิทยา ถือว่า Makeup sex เข้าข่ายทฤษฎีถ่ายโอนความเร้าใจ (The excitation-transfer theory) โดย เลฟ์มิลเลอร์ บอกว่า โดยพื้นฐานแล้ว ถ้าคุณมีปากเสียงกับคนรัก แล้วเข้านอนไปพร้อมกัน ก็มีแนวโน้มสูงเลยล่ะว่ารสเซ็กส์ที่จะได้ เข้มข้น จนเข้าข่ายเซ็กส์ที่ดีที่สุดในชีวิต
 

แม้การมีอะไรกันจะเป็นวิธีสร้างสายสัมพันธ์ ความใกล้ชิด แถมยังทำให้มีการหลั่งของออกซิโทซินซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความผูกพัน แต่คุณทั้งคู่ต้องมั่นใจว่ากิจกรรมบนเตียงที่เกิดหลังการทะเลาะกัน จะไม่ใช่การหนีปัญหาหรือเบี่ยงประเด็นโดยใช้เนื้อตัวของอีกฝ่ายปิดปากให้เรื่องเงียบ

"ไม่ได้บอกว่าทะเลาะกันแล้วห้ามมีเซ็กส์ เพราะเป็นวิธีที่ดีในการทำให้คนสองคนเข้าหากันอีกครั้ง แต่สิ่งสำคัญคือการพูดคุย ทำความเข้าใจ เพื่อที่จะไม่เกิดปัญหาเดิมขึ้นอีกในอนาคตต่างหากล่ะ" แชฟเฟอร์ ทิ้งท้ายไว้ให้คิด

ความใกล้ชิดทางกายเป็นส่วนสำคัญของความสัมพันธ์ แต่ก็อย่ามองข้ามความใกล้ชิดทางอารมณ์ และการสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจด้วยล่ะ... คุณเพียงแค่ต้องหา "สมดุล" ให้เจอ เพื่อเดินหน้าความสัมพันธ์ให้เป็นอย่างที่คุณทั้งคู่ต้องการ