คอลลาเจนเม็ด vs คอลลาเจนผง แมนๆ อย่างเรากินแบบไหนดี
เดี๋ยวนี้หลายๆ คนก็หันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่ผู้หญิง แต่ผู้ชายอย่างเราก็ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะยิ่งอายุมากขึ้น สิ่งต่างๆ ในร่างกายเราก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ทั้งอวัยวะ ฮอร์โมน อย่างคอลลาเจนเองก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผ่านการใช้งานมานาน ก็เริ่มหร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ ถ้าเราไม่รู้จักเติม ในที่สุดมันก็อาจส่งผลต่อการทำงานของร่างกายได้ ไม่ใช่แค่เรื่องของผิวพรรณ แต่ปัญหาเรื่องของข้อ กระดูกต่างๆ ก็จะถามหาคอลลาเจน คือ…
คนส่วนมากจะรู้จักคอลลาเจนในมุมของความสวยความงาม แต่รู้มั้ยว่าจริงๆ แล้วคอลลาเจนมีความสำคัญกับร่างกายมากกว่านั้น ภญ.ภิชาญดา จงนวรชัย คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อธิบายไว้ว่า ‘คอลลาเจน คือเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง ขน และเส้นผม ช่วยทำให้ผิวหนังคงความเต่งตึง ยืดหยุ่นเรียบเนียน กระชับ และคอลลาเจนยังเป็นองค์ประกอบของกระดูก กระดูกอ่อน จึงมีการนำคอลลาเจนไปใช้ในคนไข้โรคข้อเข่าเสื่อม คนที่มีภาวะกระดูกบางหรือกระดูกเปราะ’
ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนเองได้มั้ย?
คำตอบคือได้ จากการทานอาหารประเภทต่างๆ แต่เขาก็มีการวิจัยที่พบว่าการสังเคราะห์คอลลาเจนจากอาหารของคนที่มีอายุมากมากกว่า 30 ปีนั้นลดลง นอกจากนี้ในผู้ที่มีปัจจัยบางอย่างก็สามารถทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพหรือถูกทำลายได้ง่าย อย่างเคสของคนที่พักผ่อนไม่พอ มีความเครียด สูบบุหรี่ เป็นต้น ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับคอลลาเจนที่ไม่เพียงพอ แน่นอนว่ามันก็จะส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ไม่เรียบเนียน เกิดริ้วรอยได้ง่าย รวมไปถึงการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อน หรือแม้แต่ทำให้เกิดโรคข้อเสื่อมได้เช่นกัน
เมื่อต้องการตัวช่วย คอลลาเจนแบบเม็ดหรือผง เวิร์คกว่ากัน
เนื่องจากว่าการจะทานอาหารจากธรรมชาติโดยให้ถึงปริมาณที่ร่างกายต้องการนั้นอาจจะต้องทานในปริมาณที่เยอะมากๆ รวมไปถึงขณะที่ทานเข้าไปก็จะมีสิ่งอื่นๆ ตามเข้าไปด้วย เช่น คอเลสเตอรอล ทำให้หลายคนเลือกที่จะทานคอลาเจนในรูปแบบของอาหารเสริมกันมากขึ้น แต่ก็มีคำถามตามมาอีกว่า แล้วคอลลาเจนแบบเม็ดหรือแบบผงมันดีกว่ากัน ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องของการดูดซึม ส่วนมากจะแนะนำเป็นแบบผง เนื่องจากว่าร่างกายจะดูดซึมได้เร็วและเอาไปใช้งานได้เต็มที่มากกว่า แต่ก็อาจจะติดปัญหาเรื่องรสชาติหรือกลิ่นคาวอยู่บ้าง ซึ่งอาจจะเลือกเป็นทานคู่กับน้ำผลไม้หรือเลือกแบบที่ปรับแต่งกลิ่นมาแล้วแทน ส่วนแบบเม็ดนั้นข้อดีคือพกพาง่าย ทานสะดวก เหมือนกันการที่เราทานยาเม็ดแคปซูลปกติ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเรื่องกลิ่นคาวหรือรสชาติที่อาจจะไม่คุ้นเคย แต่ก็มีข้อเสียคือร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ช้ากว่านั่นเอง
เทคนิคทานยังไง...ให้ปัง!
ทางองค์กรอาการและยานั้นได้ให้คำแนะนำสำหรับคนที่ต้องการทานคอลลาเจนเสริมนั้นควรทานอยู่ที่ปริมาณ 5,000-7,000 มิลลิกรัม/วัน และไม่ควรเกิน 10,000 มิลลิกรัม/วัน รวมถึงควรเลือกกินคอลลาเจนที่เป็นสายสั้น (Hydrolyzed collagen) เพราะร่างกายจะดูดซึมได้ดีกว่าแบบสายยาว และควรเลือกคอลลาเจนที่มีโมเลกุลเล็กที่สุด เพราะละลายได้ง่ายและไม่มีสารตกค้าง รวมถึงเพื่อการดูดซึมที่ดี แนะนำให้ทานควบคู่กับวิตามินซี หรือน้ำผลไม้ เพราะวิตามินซีจะช่วยในการกระตุ้นเซลล์ผิวหนังและการนำกรดอะมิโนที่ได้จากการย่อยสลายคอลลาเจนไปใช้ใต้ผิวหนังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่วนเรื่องเวลาในการทานนั้นแนะนำให้ทานตอนท้องว่าง คือก่อนหรือหลังอาหารอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง เพราะระบบของร่างกายจะสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยไม่ถูกกรดในกระเพาะทำลาย หรือถ้าไม่อยากมานั่งจำกลับลืม ก็เลือกเป็นช่วงก่อนนอนเลยก็ได้เหมือนกัน เพราะจริงๆ แล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงก่อนนอน เพราะเวลาที่เรานอน ร่างกายของเราจะเริ่มกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เวลานี้แหละที่ร่างกายจะนำสารอาหารจากคอลลาเจนมาใช้งานได้อย่างเต็มที่และเห็นผลมากที่สุด
แต่แม้ว่าการทานอาหารเสริมต่างๆ จะเข้าไปช่วยเสริมสร้างให้กับเราอีกแรง แต่สิ่งสำคัญคือเราก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วย ทั้งเรื่องของพฤติกรรมการทานอาหาร พฤติกรรมการนอนอ พฤติกรรมการใช้ชีวิตต่างๆ เรียกว่าช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อประสิทธิภาพที่ดีอย่างยั่งยืน