ถ้าแฟนของคุณพูดว่า “ฉันอยากมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง” หรือ “เราอยากอยู่คนเดียว” อย่าเพิ่งตื่นตูมตกใจไปว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการจบความสัมพันธ์
 

ศ.อาเธอร์ แอรอน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาสังคมและสุขภาพ มหาวิทยาลัย Stony Brook สหรัฐอเมริกา บอกว่ามีหลายเหตุผลที่คนรักของคุณอยากมีพื้นที่ส่วนตัวหรือยากใช้เวลากับตัวเองให้มากขึ้น และการมี “ช่องว่าง” อาจดีต่อความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่... ลองจินตนาการถึงต้นไม้ที่ปลูกในกระถางสิ ขนาดของต้นจะไม่ใหญ่เกินกว่ากระถางเท่าใดนัก แต่เมื่อนำลงดินซึงมีพื้นที่มากกว่า ต้นไม้จะแผ่กิ่งก้านและเติบโดอย่างที่ควรเป็น เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ การห่างกันบ้างอาจช่วยให้ความสัมพันธ์ได้เติบโต เปลี่ยนแปลง ทำให้คุณทั้งคู่ได้เรียนรู้และรับมือกับเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตได้ดีขึ้น


Photo by Julian Howard on Unsplash

และนี่คือเหตุผล ที่เธออยากมี "พื้นที่และเวลา" ของตัวเองบ้าง

โดยปกติแล้ว ยิ่งเจอกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อความสัมพันธ์ แต่ถ้ามากเกินไปมันอาจทำให้คุณสูญเสียความเป็นตัวเอง... ศ.แอรอน อธิบายว่า การใช้เวลาด้วยกันมากๆ จะเกิดการซึมซับตัวตนของอีกฝ่าย เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วเธอย่อมอึดอัดที่ความเป็นตัวเองค่อยๆ หายไป การห่างหันและมีพื้นที่ส่วนตัวจะทำให้ได้กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง
หากเธออยากไปเจอเพื่อนฝูง ไปทำกิจกรรมที่ชอบอย่างเล่นดนตรี เล่นกีฬา ทำสมาธิ หรือกิจกรรมที่เธอสนใจ คุณก็ควรปล่อยให้เธอทำ เพราะความสุขที่เธอได้รับย่อมหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ให้เติบโตได้ยังไงล่ะ
 

ก่อนอื่นคุณต้องเปิดใจและยอมรับว่าคนเราถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาแตกต่างกัน มีเรื่องอ่อนไหวต่างกัน และการไม่ชินกับความใกล้ชิดหรือสนิทสนม ก็เกิดจากการเลี้ยงดูในวัยเด็ก... ศ.แอรอน บอกว่า ในทางจิตวิทยาเชื่อว่าการถูกเลี้ยงดูโดยไม่ได้รับความสนใจจากพ่อแม่หรือพ่อแม่ใช้ความรุนแรงไม่ว่าทางคำพูดหรือการกระทำ จะทำให้เติบโตมามีบุคลิกภาพแบบหลีกเลี่ยงสังคม (Avoidant personality) 
สิ่งที่คุณต้องทำคือต้องเข้าใจว่า ถ้าเธอมีบุคลิกแบบเลี่ยงสังคม เธออาจอึดอัดหรือทำตัวไม่ถูกเมื่อได้ใกล้ชิดกับใครเกินไป และหากคู่รักต่างมีบุคลิกแบบนี้ ย่อมอยากได้พื้นที่ส่วนตัวมากเป็นพิเศษ

• เธอต้องการบรรลุเป้าหมายของชีวิต

ศ.แอรอน บอกว่า ในทางจิตวิทยาสังคมมองว่าเป้าหมายของมนุษย์คือการค้นหาตัวตนและเพิ่มพูนศักยภาพของตัวเอง และจะเป็นสิ่งที่ดีมากหากคู่รักมีเป้าหมายเช่นนี้... แต่ใช่ว่าทุกคู่จะมีความต้องการเหมือนกัน ถ้าแฟนคุณเป็นแบบนี้ล่ะก็ ต้องเข้าใจว่าเธอต้องการพื้นที่และเวลาเพื่อบรรลุเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง 
 

ในฐานะคนรัก คุณต้องรู้จักตัวตนของเธอและเข้าใจว่าหากเธอเป็นพวกอ่อนไหวง่าย เธอจะต้องการช่วงเวลาที่ไม่ต้องรับรู้หรือรู้สึกอะไร อยากตัดขาดจากทุกสิ่งเพื่อใช้เวลาอยู่กับตัวเอง... ศ.แอรอน บอกว่า หากแฟนคุณเป็นคนชอบเก็บตัว (Introvert) ก็ยิ่งต้องการเวลาหรือพื้นที่มากกว่าคนอื่นๆ เพื่อชาร์ตพลังให้ตัวเอง ตรงกันข้าม หากเธอมีบุคลิกแบบชอบเข้าสังคม (Extrovert) เธอจะอยากออกไปเจอเพื่อนฝูงหรือทำกิจกรรมที่ได้พบเจอผู้คนเพื่อชาร์ตพลังให้ตัวเอง สิ่งที่คุณทำก็แค่เข้าใจและยอมรับนั่นเอง
 

แต่ละคู่ แต่ละคนมีขนาดของพื้นที่ที่ต้องการแตกต่างกันไป เช่น ถ้าคุณทำงานที่ต้องเดินทางบ่อยๆ แทบไม่มีเวลาเจอหน้ากัน หากมีเวลาย่อมต้องสวีตหวานเป็นพิเศษ แต่ถ้าคุณทั้งคู่ทำงานด้วยกันหรือเจอหน้าแทบจะตลอดเวลา ช่วงวันหยุดอาจเป็นเวลาที่คุณใช้เวลากับตัวเอง ต่างคนต่างไปทำงานอดิเรกที่ตัวเองสนใจ ช่วงแรกคุณอาจรู้สึกเหงาที่ไม่ได้เจอกัน แต่เชื่อเถอะว่ามันทำให้คุณเห็นคุณค่าในช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น
 

ศ.แอรอน แนะนำว่า การอยากมีพื้นที่ส่วนตัวไม่ได้หมายความว่าไม่อยากใช้เวลาร่วมกัน คุณต้องบอกคนรักของคุณให้ชัดว่าการห่างกันบ้างนั้นดีต่อคุณทั้งคู่และความสัมพันธ์ คุณจะมีเรื่องราวให้แบ่งปันและเรียนรู้กันไปแบบไม่สิ้นสุด... ที่สำคัญ ต้องทำให้คนรักมั่นใจว่าการห่างกันไม่ใช่เพราะคุณอยากนอกใจหรืออยากจบความสัมพันธ์ แต่เพื่อเปิดพื้นที่ให้ความรักได้งอกเงยต่างหาก

ถ้าแฟนคุณอยากมีเวลาส่วนตัว อยากได้พื้นที่ส่วนตัวบ้าง อย่าเพิ่งสติแตกคิดว่าเธอนอกใจหรืออยากเลิกกับคุณ เพราะเธออาจมองเห็นว่า "พื้นที่ว่าง" หรือระยะห่างที่มี อาจเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ความรักและความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่งอกเงยและเติบโตยังไงล่ะ