มีก้อนประหลาดที่ไหปลาร้า จนหมอแนะนำให้ผ่าออก
จากตุ่มแดงตรงไหปลาร้าที่ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่ตุ่มยุงกัด กลับกลายเป็นว่าผ่านไปหนึ่งเดือนก็ยังไม่หาย คลำแล้วยังเป็นก้อนแข็งอยู่ข้างในนานนับเดือน จนสุดท้ายเธอจึงตัดสินใจผ่าออกไปซะเลย! วันนี้สาวแบมบู Digital Marketer วัย 31 ปี จะมาเล่าประสบการณ์ตรงให้พวกเราชาว Health Addict ได้ฟังเป็นอุทาหรณ์!
*บทความนี้มีเนื้อหาและภาพประกอบที่เกี่ยวกับการผ่าตัดและก้อนซีสต์
ตุ่มแดงปริศนาที่ไหปลาร้า คล้ายยุงกัด
“อาการของเรามันเริ่มจากมีตุ่มแดงขึ้นมาที่ไหปลาร้า ตอนแรกคิดว่ายุงกัด ไม่คัน ไม่รู้สึกอะไรเลย แค่ส่องกระจกแล้วเห็นเฉยๆ แต่ 2 อาทิตย์ผ่านไปมันก็ยังแดงเหมือนเดิม ลองจับแล้วมันเป็นก้อนแข็งๆ แล้วก็แดงขึ้นมาเหมือนมันอักเสบ คิดว่าไม่เป็นอะไรเลยทิ้งไว้ประมาณเดือนนึง”
ได้โอกาสเลยมาตรวจที่โรงพยาบาล
จากที่ตอนแรกเธอคิดว่าไม่ได้เป็นอะไร จนได้ฟังคำวินิจฉัยจากคุณหมอ “พอดีวันนั้นมีนัด follow up ที่โรงพยาบาลเลยได้โอกาสถามคุณหมอพอดี หมอเลยลองจับๆ ดู บอกว่ามันเป็นก้อนแต่อยู่แค่ชั้นผิวหนังเฉยๆ อาจจะยุบเองได้ หมอถามต่อทันทีว่ามันโตขึ้นจากตอนแรกมั้ย ซึ่งเราก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่บวกกับเป็นมาเดือนนึงแล้ว หมอเลยส่งตัวไปที่แผนกศัลยกรรม”
กินยาแล้วก้อนก็ยุบลงจนแทบมองไม่เห็น
“หมอแผนกศัลยกรรมอธิบายว่ามันน่าจะเป็นซีสต์ที่เกิดจากต่อมไขมันที่อุดตัน แล้วเกิดการคั่งอยู่ข้างใน เลยกลายเป็นก้อนนูนขึ้นมา แต่มันอยู่แค่ช่วงชั้นผิวหนัง ไม่ได้อยู่ลึกลงไป ฉะนั้นแผนการรักษาคือหมอจะทำการกรีดออก แต่หมอก็ให้ลองกินยาดูก่อนเผื่อว่ามันจะยุบลง ยาที่เราได้เป็นยาแก้อักเสบ พอลองกินไปอาทิตย์นึงรอยแดงก็หายไป จากตุ่มที่มันเห็นชัดก็เหลือแค่ตุ่มนูนขึ้นมานิดเดียว กลับมา follow up อีกครั้งหมอเลยลองให้กินยาต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ เผื่อว่าตุ่มมันจะเล็กลงอีก เวลาผ่าออกจะได้ไม่เป็นแผลใหญ่ ซึ่งพอกินยาอาทิตย์ที่ 2 มันแทบหายบวมแดงจะมองไม่เห็นเลย”
ถึงจะยุบลง แต่สุดท้ายหมอแนะนำให้ผ่าออก
“หมอบอกว่าจริงๆ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ การที่มันจะเติบโตมันก็ใช้เวลานาน แต่หมอก็แนะนำให้ผ่าออกดีกว่า เพราะถ้ามันอักเสบแดงขึ้นมาอีก ก็ต้องกินยาอีก มันไม่ได้หายออกไปจากตัวเรา สุดท้ายเราเลยตัดสินใจผ่าออก”
ประสบการณ์ผ่าซีสต์ที่ไหปลาร้า
“ตอนแรกไม่คิดว่ามันจะเป็นการผ่าตัดอะไรขนาดนั้น เพราะหมอใช้คำว่า กรีดออก มันฟังดูง่ายๆ ก่อนผ่าหมอจะวาดให้ดูก่อนว่าจะกรีดลงไปตรงไหน แล้วก็ให้เราเปลี่ยนเสื้อย้ายไปอีกห้องหนึ่งเพื่อเตรียมผ่า จากนั้นก็ฉีดยาชา เอาผ้ามาวาง แล้วก็จะลองจิ้มดูว่าเรายังรู้สึกมั้ย พอไม่รู้สึกเขาก็เริ่มกรีดเลย เอาจริงๆ เราได้ยินเสียงเหมือนกรีดผ้า กรีดกระดาษอะไรแบบนั้น เพราะมันอยู่ข้างๆ หูเราเลย แต่มันคือเสียงกรีดบนผิวเรานั่นแหละ หลังจากนั้นก็เป็นเครื่องอะไรสักอย่างกดลงไปแล้วหมุน คิดว่าน่าจะเป็นขั้นตอนการเอาซีสต์ออกมา มันจะรู้สึกเจ็บจี๊ดไปที่หัวไหล่อยู่แปปนึง หลังจากนั้นหมอก็เริ่มเย็บผิวชั้นในแล้วเย็บผิวชั้นนอกอีกที รวมแล้ว 10 กว่าเข็ม หมอบอกว่าแผลห้ามโดนน้ำ 7 วัน หลังจากซับแผลเสร็จแล้ว พยาบาลก็เลยติดพลาสเตอร์กันน้ำมาให้”
ตกใจกับก้อนซีสต์ที่อยู่ในถาด ขนาดเท่าสำลีหั่นครึ่ง
“พอแปะพลาสเตอร์เสร็จเราเลยขอพยาบาลดูก้อนซีสต์ที่ผ่าออกมา ตอนที่เห็นคือแอบตกใจอยู่เหมือนกัน เพราะมันใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก ใหญ่ประมาณลูกเกด 2 เม็ดรวมกัน พอลองเทียบกับก้อนสำลีคือใหญ่ประมาณครึ่งหนึ่งของสำลีเลย หลังจากนั้นเขาก็เอาก้อนซีสต์ใส่กระปุกใสๆ แปะชื่อเราไว้เพื่อนำชิ้นเนื้อไปตรวจให้แน่ใจอีกทีว่าเป็นเนื้อร้ายรึเปล่า ซึ่งกว่าจะรู้ผลก็ต้องรออีก 1 อาทิตย์ ผลออกมาปรากฎว่าเป็นก้อนซีสต์ปกติ เป็นต่อมไขมันที่ระบายออกไม่ได้”
โชคร้ายซ้ำสอง แพ้พลาสเตอร์กันน้ำ
“วันที่ 2 หลังจากผ่าซีสต์ เรารู้สึกว่ามันมีตุ่มใสๆ ขึ้นมา ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นพลาสเตอร์ที่มันพอง เรารู้สึกคัน แล้วเผลอไปเกา แต่มันดันแตกเป็นน้ำ เลยรู้ว่าที่พองคือผิวหนังของเราจ้าาา ไม่ใช่พลาสเตอร์ พอมันแตกแล้วแสบมาก แล้วมันก็เริ่มพองหลายจุด วันต่อมาเลยไปหาพยาบาล เขาก็บอกว่าน่าจะเป็นเพราะแพ้พลาสเตอร์ ซึ่งพี่พยาบาลเขาก็มือเบามาก พยายามดึงพลาสเตอร์ไม่ให้มันมาดึงแผลพองเราเเตก พยาบาลบอกว่าโชคดีนะที่รีบมา เพราะถ้าทิ้งไว้จนถึงวันที่หมอนัดมันอาจจะพองรอบพลาสเตอร์เลยก็ได้ ต่อจากนี้ก็ให้แจ้งพยาบาลว่าเราแพ้พลาสเตอร์กันน้ำ พอลองเปลี่ยนมาใช้พลาสเตอร์ผ้าก็ไม่มีอาการแพ้อะไร”
“แนะนำให้ลองสังเกตตัวเองด้วยเพราะบางคนแพ้พลาสเตอร์เกือบทุกชนิดเลย พอเปลี่ยนมาเป็นพลาสเตอร์ผ้าเลยต้องหาวิธีกันน้ำด้วยตัวเอง เทคนิคของเราคือไม่ใช้ฝักบัวอาบน้ำ แต่เปลี่ยนมาเป็นแบบตักราดแทน เพราะมันคอนโทรลง่ายกว่า”
สภาพแผลหลังผ่าตัด 1 เดือน
“พอครบ 7 วันก็ได้เวลานัดเอาไหมออก แผลด้านนอกเราเย็บ 5 เข็ม ตอนหมอตัดไหมออก เรายังรู้สึกเจ็บอยู่นิดหน่อยเพราะมีจุดที่แผลยังไม่แห้งดี หมอเลยห้ามโดนน้ำต่ออีก 4 วัน หลังจากนั้นผ่านไปหนึ่งเดือน จุดที่แผลแห้งช้ายังคงตกสะเก็ดอยู่ ส่วนแผลพุพองที่แพ้พลาสเตอร์ก็เป็นรอยดำ ต้องทายาลดรอยแผลเป็นวนไป”
สุดท้ายเธอฝากถึงชาว Health Addict ว่า “เวลาคลำเจอก้อนอะไรก็ตาม ควรไปหาหมอ อย่าคิดว่าไม่เป็นอะไร เราไม่มีทางรู้เลยว่าไอก้อนที่เราคลำเจออาจเป็นซีสต์หรือเป็นอย่างอื่น ถ้าปล่อยทิ้งมันอาจเลยระยะที่จะรักษาให้หายได้ง่าย พอมาเจอกับตัวเองแบบนี้ เรารู้สึกเลยว่าการตรวจสุขภาพประจำปีเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะทุกวันนี้เราเห็นตัวเองแค่ข้างนอก ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าข้างในมันมีอะไรผิดปกติอยู่รึเปล่า”