มากกว่าการเป็นที่ 5 ของโลก... การเต้น Hip Hop ทำให้พวกเขาพบความสุขของชีวิต



ใครจะคิดว่าการได้คุยกับนักเต้นฮิปฮอป จะให้ความรู้สึกเหมือนได้คุยกับนักปราชญ์ที่ทำให้เราเข้าใจและเจอความหมายของการมีชีวิต... นี่เป็นสิ่งที่เรารู้สึกได้จริงๆ ตลอดระยะเวลาที่ได้คุยกับผู้นำทีม D Maniac ทีมเต้นฮิปฮอปที่สร้างชื่อให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลก ทั้งความเรียลในตัวตน ความสุขที่พวกเขามี มันเป็นพลังบวกที่ส่งต่อให้กับคนรอบข้างได้จริงๆ  

(จากซ้าย) ทราย - ปั๊มพ์ - กวาง

ศรัญย์ ศิริทัศนกุล (ปั๊มพ์) อายุ 33 ปี 
Starting Point:
เข้าสู่วงการเต้นด้วยการเต้น Bumping เห็นในเอ็มวีของจัสติน ทิมเบอร์เลค แล้วคิดว่าเท่ดี อยากทำได้แบบนั้นบ้าง เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้จักสตรีทแดนซ์ หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้เต้นฮิปฮอปอย่างจริงจัง

Real HAPPINESS: ด้วยธรรมชาติของตัวเองที่ทำอะไรเต็มที่ ต้องเป็นที่ 1 มีคนยอมรับ แต่เมื่อเราพาตัวเองและทีมไปถึงจุดที่ได้ที่ 5 ของโลกจากเวที Hip Hop International 2016 กลับพบว่าความสุขของเราไม่ใช่การเป็นที่ 1 แต่คือการได้เต้น ได้ขยับร่างกาย และตอนนี้ด้วยปัญหาสุขภาพทำให้ผันตัวมาทำงานเบื้องหลัง คอยซัพพอร์ตคนอื่นๆ ให้เขาได้เจอความสุข ความสำเร็จ สิ่งนี้มันช่วยเติมเต็มเรา ถือเป็นความสุขที่แท้จริง สมมุติถ้าตายตอนนี้ก็ไม่รู้สึกเสียดายอะไร  

TRUST is a KEY: ถ้าพูดถึงจุดเด่นของทีม นอกจากทักษะการทำโชว์แล้ว ก็คือความแน่นแฟ้น เพราะโชว์เราซับซ้อนมาก ภาพที่เปิดมาทุกคนเต้นเป็นเกลียวดอกไม้แล้วยกผู้หญิงใส่ชฎาขึ้นมา เป็นกลไกที่ไม่ได้เกิดจากการนับจังหวะ แต่เป็นการสัมผัสซึ่งเป็น Synchronization ของร่างกาย อาศัยการอยู่ร่วมกันจนเกิดความเชื่อใจ ตอนที่ไปแข่ง เพื่อนชาติอื่นเขาเข้ามาพูดกับเราเลยว่า “ดูโชว์แล้วรู้เลยว่าพวกคุณสนิทกันมาก” ซึ่งนอกจากเรื่องความแข็งแรงของร่างกายแล้ว เรื่องของความคิด หรือแอดติจูดก็สำคัญมาก “ทีมเราเชื่ออย่างหนึ่งว่า เราใช้ชีวิตแบบไหนก็จะเต้นแบบนั้น คนที่จะเต้นแบบเราต้องมีมุมมองต่อชีวิต ความทุกข์ ความสุขของตัวเองไปในทางเดียวกัน เชื่อว่าเคมีจะเข้ากัน เพราะเวลาเราคิดหรือรู้สึกอย่างไรมันจะออกมาทางร่างกาย... คำพูดคนมันโกหกได้ แต่เวลาเราเต้น ร่างกายเราโกหกความรู้สึกตัวเองไม่ได้”

ผลงานล่าสุดกับการคว้าแชมป์จากสิงคโปร์

กิตติยา แก้วมณี (ทราย) อายุ 32 ปี  
Starting Point:
เริ่มจาก cover dance พอได้เจอเพื่อนที่เต้นด้วยกันก็ทำให้รู้จักสตรีทแดนซ์ จนเพื่อนแนะให้เรียนในสตูดิโอและก็ได้เต้นฮิปฮอปอย่างจริงจัง จนเราพบว่าฮิปฮอปไม่ใช่แค่การเต้นแต่มันคือชีวิต เมื่อเราได้ใช้ชีวิตกับวัฒนธรรมฮิปฮอปแล้วทำให้เราเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น เรียนรู้ตัวเอง ได้แสดงออกโดยที่ไม่มีใครตัดสิน 

BRING the CHANGE: “เราหยิบใช้ตัวตนของเราออกมา เหมือนทำให้เรามีโอกาสเรียนรู้ตัวเองตลอดว่า ภายใต้ตัวตนของเรานั้นเป็นคนแบบไหน คิดยังไง ได้เรียนรู้ตัวเอง เรียบเรียงข้อดีข้อเสียของตัวเอง แก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองและเรียนรู้ที่จะเติมเต็มข้อดีมากขึ้น มีความเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น และทำให้เราไม่ตัดสินคนอื่น”... “การไม่ตัดสินคนอื่นเป็นความคิดที่มีอิทธิพลกับเรามาก เพราะตอนที่เต้น มันทำให้เราเห็นว่าทุกคนไม่เหมือนกัน แต่เมื่อรวมกันแล้วมันสวยมาก จึงปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าทุกคนเกิดมาเพื่อเป็นตัวของตัวเอง ฉะนั้นคนที่ไม่เหมือนเราไม่ได้แปลว่าเขาผิด และเข้าใจว่าการที่คนอื่นตัดสินเราไม่ใช่เรื่องแปลก... เมื่อเป็นแบบนั้นทำให้เรามีความสุข มีพลังในชีวิตมากขึ้น” 

DANCE or DIE: การเต้นเหมือนการได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากกรง ที่สภาพแวดล้อมขังเอาไว้ เมื่อมีอิสระมากขึ้น นั่นคือที่มาของพลัง... การเป็นคนมีพลังนั้นแกล้งทำไม่ได้ ถ้าแกล้งทำวันหนึ่งก็หมด แต่ที่เราอยู่เพราะการเต้นเป็นส่วนหนึ่งของพลังชีวิตจริงๆ … “ถ้าวันหนึ่งไม่ได้เต้น คงทำไม่ได้ ชีวิตคงไม่มีไฟ ไม่มี passion เพราะเราหาเจอแล้วว่าการเต้นคือความสุขและเป็นตัวของตัวเอง ถ้าแก่ตัวลง เต้นไม่ไหวอย่างน้อยก็ขอได้เห็น... เราเคยอยู่ในสภาวะที่เต้นทุกวัน บางวันมีงานเยอะมาก มีการออกแบบท่าเต้น ดูแลศิลปิน ไปต่างประเทศ พอไม่ได้เต้นก็จะมีภาวะที่เราทนไม่ได้ ถ้าให้คิดว่าไปทำอย่างอื่นคงทำไม่ได้ ขนาดร่างกายเจ็บ หมอสั่งหยุดยังต้องขอแอบยุกยิกๆ เลย” (หัวเราะ)

ผลงานจากเวที HHI2016 ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วโลก 

ปราณวาสน์ ศิริพงษ์พันธ์ (กวาง) อายุ 33 ปี 
Starting Point:
ชอบดูเอ็มวีแล้วอยากทำได้แบบนั้นบ้าง เลยโทรไปที่สตูเพื่อสอบถามเรื่องเรียนจนได้เจอกับเพื่อน ใช้ชีวิตด้วยกัน เต้นด้วยกัน จนสัมผัสได้ว่าทุกคนมาเพื่อแบ่งปัน เสียสละ เพื่อทำสิ่งที่รักเหมือนกัน

HIPHOP is EVERYTHING:  “สภาพแวดล้อมที่เราเติบโตมาทำให้เราเป็นคนเกเร ก้าวร้าว ต้องเอาตัวรอดตลอดเวลา ทำทุกอย่างที่อยู่ในด้านมืด แต่การเต้นเปลี่ยนทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ การเต้นทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลา ไม่ต้องเอาตัวรอด ทำให้เราเสียสละมากขึ้น มองผู้คนในแง่ดีมากขึ้น ทำให้เรากลายเป็นคนที่อยากเป็น ได้เรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วความอ่อนแอคือความเข้มแข็ง ยิ่งได้เจอเพื่อนๆ ยิ่งรู้สึกว่าการมีเพื่อนสำคัญมาก ทำให้รู้ว่าการเสียสละให้คนที่อยู่รอบตัว แบ่งปันให้คนอื่น มันมีความสุขยังไง นั่นคือสิ่งที่เราเข้าใจและเปลี่ยนตัวเองไปเยอะมาก” สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับพวกเราคือไม่ได้อยู่คนเดียว พลังมีก็จริง แต่ถ้าเราไม่ได้อยู่กับคนที่รู้สึกมีพลังเหมือนกันกับเรา คงมาไม่ไกลเหมือนทุกวันนี้

KEEP on LEARNING: สิ่งสำคัญที่พวกเราไม่เคยมองข้ามคือการเรียนรู้ ช่วงเดือนสิงหาคมนี้สมาชิก D Maniac 9 คนจะเดินทางไปเข้าร่วมแคมป์เรียนเต้นฮิปฮอปที่นิวยอร์กซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของวัฒนธรรมนี้ “ถ้าเราอยากเข้าใจอะไรแล้ว ต้องศึกษาและซึมซับให้ลึกซึ้งเหมือนนักประวัติศาสตร์ที่ลงพื้นที่ ดูผู้คน ดูการใช้ชีวิต และเราอยากเป็นกระบอกเสียงว่าวัฒนธรรมฮิปฮอปไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย ไม่ก้าวร้าว หรือหยาบคายอย่างที่สื่อกระแสหลักมักนำเสนอ จนทำให้บางคนเข้าใจผิดไป”

นี่เป็นเพียงแค่เรื่องราวบางส่วนของพวกเขาเท่านั้น ถ้าคุณยังรู้สึกว่าได้รับพลังไม่เพียงพอ อย่าลืมติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มของพวกเขาได้ที่เว๊บไซต์ของเรานะ^^



 
-->