'ทำงานประจำ-ก็เที่ยวได้' เธอคือนักเดินทางที่มีอาชีพหลักเป็นพนักงานออฟฟิศ
สำหรับอาชีพพนักงานออฟฟิศที่ต้องเข้าออกงานเป็นเวลาทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลากินข้าวก็แทบจะไม่มี แถมวันลายังมีจำกัดอีก อย่างนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปเที่ยวได้ล่ะเนี่ย? ถ้าคุณเป็นมนุษย์ออฟฟิศที่อยากออกไปท่องเที่ยวเพื่อเติมพลังบวกให้กับตัวเองและถ้าใจเราเรียกร้องซะอย่าง เรื่องเวลากับบัดเจ็ทเป็นสิ่งที่จัดการได้ วันนี้เราจะพามารู้จักกับ “มิ้นต์ ณิศรา สิทธาธิการเวชช์ ” สาวนักเดินทางเจ้าของบล็อกท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์อย่าง Travelerspulse และที่สำคัญ เธอทำงานประจำเป็น Content Editor อยู่ที่ LINE TODAY อีกด้วย
Travelerspulse
ความถี่ของชีพจรนักเดินทาง
เรามักจะเห็นหน้าฟีดของเธออัพรูปไปเที่ยวอยู่บ่อยๆ เธอเล่าให้เราฟังว่าช่วงที่เที่ยวหนักๆ ก็เดือนละ 4 ทริป "ล่าสุดเที่ยวทุกวันเสาร์-อาทิตย์ติดกันมา 2 เดือนแล้ว แต่ปกติก็จะเฉลี่ยอยู่ที่ 1 ทริปต่อเดือน อย่างช่วงนี้เที่ยวเกาะรัวมาก ล่าสุดเพิ่งกลับมาจากสิมิลัน สวยประทับใจมาก น้ำใส ทรายละเอียดเหมือนแป้งเด็ก มันละเอียดเป็นผุยผงเบอร์นั้นเลย"
ทำงานประจำก็เที่ยวได้...แค่แบ่งเวลาให้เป็น
เทคนิคการจัดสรรเวลาของเธอก็คือ เที่ยววันหยุดสุดสัปดาห์ และแพลนวันลาอย่างชาญฉลาด “ส่วนใหญ่จะเที่ยวช่วงวีคเอนท์ วันหยุดยาว วันหยุดฟันหลอ และด้วยความโชคดีที่บริษัทให้ Annual Leave ค่อนข้างเยอะ และที่สำคัญคือหัวหน้าเข้าใจว่าเราทำอีกงานซึ่งเป็นแพชชั่นของเรา และมีความจำเป็นต้องลาหยุดบ่อยๆ หรืออาจจะมีที่ลาติดกันบ้าง” ด้วยความที่บริษัทเป็น Startup ยุคใหม่ที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับครีเอทีฟของคนทำงานและผลงานมากกว่า ทุกอย่างก็เลยดูลงตัว “ที่ออฟฟิศให้อิสระกับพวกเราค่อนข้างมาก ด้วยความที่เป็นวัฒนธรรมแบบใหม่ที่ไม่มีการตอกบัตรบันทึกเวลาเข้า-ออก แต่ที่ต้องแลกกันก็คือความรับผิดชอบในหน้าที่ของแต่ละคน ซึ่ง Liner แต่ละคนจะให้ความสำคัญกับตรงนี้มากๆ มันเลยเป็นจุด flexible ที่ทำให้เราสามารถเที่ยวได้ ถ้าเทียบกับลักษณะงานแบบอื่น” ซึ่งพอตกเย็นเลิกงานประจำ เธอก็มักจะไปหาคาเฟ่ต์นั่งคิดงาน หรือไม่ก็กลับบ้านมานั่งทำงานต่อ เพราะเธอทำงานหลายอย่างบวกกับเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง
Travelerspulse
จุด Start ของการเขียนบล็อคท่องเที่ยว
“ปกติจะมีสัญญากับที่บ้านไว้ว่าใน 1 ปีจะต้องออกทริปด้วยกัน 2 ทริป เวลาเดินทางก็จะถ่ายรูปเก็บไว้เยอะมาก พอเอาลงเฟสบุ๊ค ไอจี ของตัวเอง คนก็จะมาขอคำแนะนำเยอะมาก เลยคิดว่าลองทำเพจเล่นๆ ดู อย่างน้อยก็เป็นแกลลอรี่สะสมรูปของเรา” แต่ทำไปทำมา คนก็เริ่มให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนวันนี้เธอกลายเป็นบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวไปแล้ว “ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นทราเวลบล็อกเกอร์ ได้ยินแล้วยังรู้สึกตะหงิดๆ เราแค่อยากแชร์ประสบการณ์ อยากลงรูปสวยๆ มันก็เคยมีหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมไม่ลาออกจากงานประจำมาทำบล็อกอย่างเดียวไปเลย แต่เรารู้สึกว่าเรายังชอบงานที่มีเพื่อนร่วมงานอยู่ จริงๆ ไม่เคยคิดว่าจะทำหลายอย่างได้พร้อมกัน แต่พอลองแล้วมันก็ทำได้ มีเวลาไปเจอเพื่อน ไปปาร์ตี้บ้าง” นอกจากจะเป็นคนแอคทีฟมากๆ แล้ว เธอยังเป็นคนรักในการทำงานอีกด้วย ระหว่างวันถ้าเธอต้องอยู่บ้านเกิน 3 ชั่วโมง ก็จะรู้สึกว่าต้องออกไปนั่งทำงานข้างนอก หรือแม้แต่แค่นอนนวดหน้าชั่วโมงเดียวเธอก็ทนไม่ได้แล้ว
Travelerspulse
ก่อนวางแผนเที่ยว...ก็ต้องวางแผนการเงินด้วย!
แน่นอนว่าเงินเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จำเป็นอย่างมากในการวางแผนการท่องเที่ยว ซึ่งเทคนิคของเธอก็คือเก็บก่อนใช้ “เวลาเงินเดือนเข้าเราก็จะโอนเข้าบัญชีสำรองไว้เลยส่วนนึง เอาไว้สำหรับการเที่ยวทริปยาวๆ รวมถึงการลดรายจ่ายฟุ่มเฟือยต่างๆ" เธอสารภาพว่าแต่ก่อนชอบซื้อเสื้อผ้า ซื้อบ่อยมาก แล้วก็ค้นพบว่าสุดท้ายมันก็ใส่แต่ตัวเดิมๆ ซื้อครั้งละ 2,000 ซื้อไป 3 ครั้ง ก็ได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว และเทคนิคสุดท้ายที่เธอแอบแชร์ให้เราฟังคือ การหางานเสริมเพื่อเพิ่มบัดเจท “พยายามหางานให้มากขึ้นเพื่อจะได้มีเงินไปเที่ยว อย่างตอนนี้เราก็เป็นนักเขียนฟรีแลนซ์ ทำโซเชียลมีเดีย ประกอบกับงานประจำและการทำบล็อกไปด้วย”
เที่ยวเยอะขนาดนี้...ต้องมีเทคนิค SAVE COST!
สำหรับคนเดินทางบ่อยอย่างเธอก็ต้องมีเคล็ดลับที่จะช่วยประหยัดงบต่างๆ ในการเดินทาง “ส่วนที่แพงที่สุดมักจะเป็นตั๋วเครื่องบินเพราะตัวเลือกน้อยกว่าพวกโรงแรม พยายามจองล่วงหน้า 2-3 เดือน กดเข้าไปดูราคาทุกวัน ตั้งค่า price alert เอาไว้เลย” นอกจากนี้เธอยังให้ลายแทงเว็บที่เธอใช้เป็นประจำ “Cheaptickets นี่รักมาก ส่วน Traveloka เหมาะกับประเทศใกล้ๆ เพราะมักจะมีดีลดีๆ ส่วนโรงแรมใช้ Expedia ประจำ” อีกหนึ่งเทคนิคของเธอก็คือการทำบุ๊คกิ้งกับเว็บไซต์เดิมๆ เพื่อสะสมแต้ม “หลังจากที่ลองถูกลองผิดมาซักพัก เราแนะนำให้จองกับเว็บใดเว็บหนึ่งไปเลย เพราะบางเว็บจะมีสะสมพ้อยท์เอามาแลกเป็นสิทธิพิเศษ คุ้มกว่าเปลี่ยนเว็บไปๆ มาๆ เพราะเห็นราคาถูกกว่า แต่ก็จะถูกกว่าแค่หลักร้อย”
การเดินทางคือการหนีออกจากความซ้ำซากจำเจ บางทีการได้ออกจากห้องสี่เหลี่ยมที่เรานั่งทำงานอยู่ทุกวันเพื่อออกมาหาอินสไปร์ใหม่ๆ มันก็เหมือนเราได้เปิดโลก เหมือนอ่านหนังสือที่ทำให้เราได้เปิดความคิด แต่การเดินทางคือการที่เราได้เปิดใจและเปิดตา ได้เห็นอะไรมากขึ้น ได้เข้าใจตัวเอง มันไม่เหมือนการซื้อกระเป๋าหรือคอนโดที่จับต้องได้ แต่มันคือประสบการณ์ดีๆ ที่จะอยู่ในความทรงจำของเรา เอาไปเล่าต่อให้ใครต่อใครฟังได้อีกนาน