‘นอนคลุมโปง’ เลิกซะ! ถ้าไม่อยากสมองเสื่อมก่อนวัย
“อ้วน” คำแสลงหูที่ไม่อยากได้ยิน เลยต้องทำทุกทางให้อยู่ห่างไกลจากคำนี้ แต่ก็ดูจะยังไม่เวิร์กเท่าไหร่ จนได้มารู้ว่า “แสง” ที่รบกวนในเวลากลางคืนก็ทำให้อ้วนได้นะ เพราะไปก่อกวนระบบเผาผลาญ โดยงานวิจัยนี้ได้รับการเปิดเผยจาก Ivy Cheung Mason นักศึกษาปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัย Northwestern University Feinberg School of Medicine ผู้ได้ทำการศึกษาเพื่อทดสอบสมมติฐานของ American Academy of Sleep Medicine ที่บอกว่า การเปิดรับแสงในเวลากลางคืนระหว่างการนอนหลับมีผลกระทบต่อผลการเผาผลาญอาหาร ก็ยิ่งต้องทำให้ห้องนอนมืดสนิทชนิดที่ว่า แม้แต่แสงเล็กน้อยก็ไม่อาจเล็ดลอดเข้ามาได้ แต่ถึงจะกลัวอ้วนยังไง ก็อย่าให้ถึงขั้นต้องนอนคลุมโปงเลยนะ เพราะแทนที่จะอ้วน อาจทำให้สมองเสื่อมก่อนวัยก็ได้
นอนคลุมโปงแล้วสมองเสื่อม เพราะอะไร?
การนอนคลุมโปงไม่ใช่แค่แสงเท่านั้นที่ไม่อาจเล็ดลอดเข้ามาได้ แน่นอนว่าอากาศก็เช่นกัน โดยการนอนเอาผ้าห่มคลุมร่างนั้นทำให้อากาศในผ้าห่มไม่ถ่ายเท เพราะอากาศข้างนอกเข้ามาไม่ได้ แถมอากาศในผ้าห่มก็ไม่ได้ระบายออก ซึ่งทำให้มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในผ้าห่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) ก็ไม่ได้มาจากที่ไหนเลย แต่เป็นอากาศเก่าที่เราหายใจออกมานั่นเอง เป็นเหตุให้ออกซิเจน (O2) เข้าไปเลี้ยงสมอง และร่างกายได้น้อยลง เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมตื่นเช้ามาแล้วถึงยังอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น และถ้าขืนยังทำบ่อยๆ จนติดเป็นนิสัยก็อาจทำให้โรคสมองเสื่อมถามหาก่อนเวลาอันควรได้
นอนท่าไหนไม่เป็นภัยกับสมอง
► นอนตะแคงซ้าย การนอนตะแคงซ้ายถือเป็นท่านอนที่ปลอดภัยต่อสมอง เพราะทำให้ออกซิเจน สามารถไปเลี้ยงสมองได้ตามปกติ แต่ถ้าจะให้ดีควรมีออฟชั่นเสริมอย่างหมอนข้างหรือหมอนรองขาไว้ข้างตัวด้วย เพราะการนอนตะแคงซ้ายจะทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจ ทำงานได้ช้าลง เนื่องจากร่างกายฝั่งซ้ายถูกกดทับ หัวใจจึงต้องใช้แรงในการเต้นหรือบีบตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการใช้หมอนข้างหนุนบริเวณไหล่ซ้ายจะทำให้ร่างกายบิดตัวอยู่ในองศาที่เหมาะสม
► นอนตะแคงขวา เป็นอีกหนึ่งท่านอนที่ปลอดภัยต่อสมอง เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ดีแล้ว ยังทำให้หัวใจเต้นสะดวกขึ้นด้วย ซึ่งสมองกับหัวใจต่างก็ต้องทำงานสัมพันธ์กัน ดังนั้นหากหัวใจทำงานเป็นปกติ สมองก็จะทำงานเป็นปกติควบคู่กันไปด้วย
► นอนหงาย ท่านอนสบายๆ ตามหลักสากล ที่ส่วนใหญ่ใครๆ ต่างก็นอนหลับกันในท่านี้ ซึ่งถือว่าเป็นท่าที่เหมาะสม เพราะช่วยให้สมองสามารถควบคุมการหายใจได้เป็นปกติ และทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนจากการหายใจได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะย้อนกลับไปยังการทำงานของสมอง เพราะออกซิเจนเป็นพลังงานสำคัญที่ช่วยให้การทำงานของสมองอยู่ในระดับปกติ
พฤติกรรมทำลายสมอง
นอกเหนือจากการนอนคลุมโปงแล้ว ยังมีพฤติกรรมอื่นๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงสมองเสื่อม ได้แก่
• อดมื้อเช้า ซึ่งเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ทำให้สมองได้รับสารอาหารไปบำรุงไม่เพียงพอ จึงทำให้สมองค่อยๆ ฝ่อลงและเสื่อมไปในที่สุด อีกทั้งยังทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียและขาดความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าในระหว่างวันอีกด้วย
• นอนน้อย ร่างกายของคนเราต้องการการพักผ่อนเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โดยเฉพาะสมอง ดังนั้นเมื่อนอนไม่เพียงพอ ก็จะทำให้เซลล์สมองค่อยๆ ตายไปทีละน้อย จนเสื่อมได้ในที่สุด
• ติดหวาน เพราะความหวานจะไปขัดขวางการดูดซึมโปรตีนและสารอาหารที่จำเป็นต่อสมอง จึงทำให้สมองได้รับการบำรุงน้อยลงและส่งผลให้การพัฒนาการของสมองหยุดชะงัก
• สูบบุหรี่ ด้วยว่าสารพิษที่อยู่ในบุหรี่จะทำให้สมองฝ่อและทำลายรอยหยักในสมอง จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ง่าย รวมถึงผู้อยู่ใกล้ชิดที่ได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่ด้วยเช่นกัน