เราอาจตายได้ไม่รู้ตัว เพราะกินอาหารค้างคืน

สำหรับใครที่รักการทำอาหาร คงเข้าใจว่าโมเม้นต์ที่เราสุดจะแฮปปี้ คือช่วงที่ได้ตระเตรียมวัตถุดิบและปรุงอย่างพิถีพิถัน และอีกข้อดีของการทำอาหารกินเองคือ คุณจะได้กินเมนูโปรดไปอีก 2-3 วันเลยล่ะ

ซึ่งสิ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม คือ ถ้ากินไม่หมด ต้องเก็บให้ถูกวิธี

Photo by Ella Olsson on Unsplash
เพราะหากเก็บผิดวิธี อาจนำไปสู่ข่าวร้าย เช่นในปี 2008 วารสาร Clinical Microbiology รายงานว่ามีเด็กหนุ่มชาวเบลเยียม วัย 20 ปี เสียชีวิตลงหลังจากกินพาสต้าค้างคืน ซึ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้มี Youtuber รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Dr. Bernard ได้โพสต์วิดีโอจำลองเหตุการณ์เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเด็กหนุ่มคนดังกล่าวจนเป็นกระแสไวรัลไปทั่ว

เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากกลับจากโรงเรียน เด็กหนุ่มก็นำพาสต้าที่ตั้งอยู่ในครัวมาอุ่นในเตาไมโครเวฟ เพื่อกินเป็นมื้อเย็น พอกินอิ่มแล้วเขาก็ออกไปเล่นกีฬากับเพื่อนตามปกติ เพียง 30 นาทีเขาก็กลับบ้านมาด้วยอาการปวดหัว ปวดท้อง และคลื่นไส้ หลังจากอาเจียน 2-3 ครั้งแต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอเพราะคิดว่าอาหารเป็นพิษ นอนพักสักคืนก็หาย พอถึงเวลาที่ต้องไปโรงเรียนในตอนเช้า พ่อแม่ไม่เห็นว่าเขาออกจากห้องจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่ทั้งสองคนพบมีเพียงร่างไร้วิญญาณของลูกชายอยู่บนเตียง

จริงอยู่ ที่เด็กหนุ่มป่วยเพราะอาหารเป็นพิษ แต่หลังจากชันสูตรศพแล้วพบว่ามีเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซีเรียส (Bacillus Cereus) ซึ่งทนต่ออุณหภูมิสูงและความเป็นกรดในกระเพาะได้ดี

โดยสถาบันวิจัยโรคที่เกี่ยวกับอาหารของเบลเยียม ได้นำตัวอย่างพาสต้าและซอสที่เด็กหนุ่มคนนั้นกินไปตรวจสอบ พบว่าอาหารเหลือเหล่านั้นมีพิษมากพอจะทำให้การทำงานของตับล้มเหลว ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้

เราไม่ได้ห้ามทุกคนกินของเหลือ เพียงแค่ต้องทำให้ถูกวิธี... องค์การอนามัยโลกบอกว่า สิ่งที่ควรทำหลังจากคุณทำอาหารเองแล้วกินไม่หมด ก็ควรเก็บเข้าตู้เย็นภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากปรุงเสร็จ โดยใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด โดยต้องมั่นใจว่าอุณหภูมิในตู้เย็นที่คุณเอาอาหารเหลือไปแช่นั้นต้องไม่เกิน 4 องศาเซลเซียส

และหากเก็บไว้ 3-4 วันแล้วก็ยังกินไม่หมด ก็ควรโยนทิ้งได้แล้ว เพราะหากกินเข้าไป อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้นะ 



 
-->