อย่ามองข้าม ‘สิว’ เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องสิวๆ อีกต่อไป
ใครเคยเป็นสิวที่ว่าแสนจะทรมานนั้น การทิ้งรอยดำยิ่งทรมานกว่า โดยเฉพาะกับบางคน ที่เมื่อใดที่มีรอยดำบนหน้าแล้ว จะใช้เวลานานกว่าคนปกติกว่าที่รอยดำนั้นจะจาง ซึ่งผลอาจเกิดจากเรื่อง การพักผ่อน หรือฮอร์โมน
และเมื่อพูดถึงกลไกร่างกาย เราเองต่างก็มีเซลล์ที่คอยกำจัดรอยดำต่างๆ อยู่แล้วสิ่งนั้นก็คือเซลล์เม็ดเลือดขาว โดยจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน รอยดำต่างๆ จะค่อยๆ จางและหายไป แต่ก่อนอื่นเรามารู้ถึงสาเหตุการเกิดรอยดำกันก่อน ซึ่งวันนี้ Health Addict จะมาพูดถึงเรื่องของสิวที่ทำให้เกิดรอยดำ
สิว...เกิดขึ้นได้อย่างไร
โรงพยาบาลสุขุมวิทให้ข้อมูลว่า เริ่มแรกแล้วสิวจะมี 2 ประเภท นั่นก็คือสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มสีขาว (สิวหัวขาว) และสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มสีดำ (สิวหัวดำ) ซึ่งทั้งสองประเภทนี้เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน อันเกิดได้ทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน
ปัจจัยภายนอกที่กระตุ้นให้เกิดสิวมีหลายอย่าง เช่น ฝุ่นละออง มลพิษ เครื่องสำอางหรือการรักษาความสะอาดที่ไม่หมดจด จึงทำให้บริเวณรูขุมขนส่วนนั้นเกิดการอุดตัน ส่วนปัจจัยภายในนั้นก็เช่น เรื่องฮอร์โมน โภชนาการ รวมไปถึงการพักผ่อนน้อย อย่างไรก็ตามสิวทั้งสองประเภทนั้นจะดูเบาไปเลย เมื่อเทียบกับการที่ปล่อยให้ตุ่มต่างๆ นั้นอักเสบ จนกลายเป็นสิวหัวหนอง หรือหนักหน่อยก็มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นสิวหัวช้างอย่างที่เราเรียกกัน ซึ่งเมื่อปล่อยถึงขั้นนั้นแล้ว ปัญหาที่จะตามมาอีกทั้งแบบกดหรือไม่กดคือ ปัญหาเรื่องรอยดำ หรือถ้าใครยังไม่รีบรักษา ปล่อยให้เวลาร่วงเลยไป นอกจากผิวจะมีรอยดำแล้ว จะเพิ่มมาอีกเด้งหนึ่งคือผิวเป็นหลุมเป็นบ่อ
รอยดำจากสิว...เกิดขึ้นได้ยังไง
เมื่อผิวหนังบริเวณไหนมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นจนทำให้เป็นสิว คนส่วนใหญ่ก็มักอดใจไม่ไหว ที่จะต้องสรรหาสารพัดวิธีและเครื่องมือ มากำจัดสิวต่างๆ ออกจากใบหน้า ถ้าหากว่าสิวประเภทอุดตันถูกกำจัดออก ปัญหาการอักเสบก็อาจจะไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อครั้งใดที่เราพยายามบีบหรือเค้นแต่สิวไม่ออก นั่นแหละคือจุดเริ่มแรกของการอักเสบ โดยเริ่มแรกอาจเกิดเป็นรอยแดง ไปจนถึงการอักเสบแบบมีหนอง และเมื่อถึงคราวนั้นแล้วล่ะก็ ผิวหนังและเซลล์เนื้อเยื่อส่วนนั้นจะเกิดการเสียหายจนเกิดรอยดำ หรือสีผิวที่เข้มขึ้น แต่ก็อย่าตกใจไปเมื่อผิวเราเกิดรอยดำ เพราะเราจะมีเม็ดเลือดขาวมากำจัดเองได้อยู่แล้ว ในทางกลับกัน สิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือรอยแดง
รอยแดงจากสิวเกิดจากอะไร
ข้อมูลจากเวปไซต์ Bioderma เปิดเผยว่า รอยแดงเกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งปกติแล้วเมื่อเนื้อเยื่อส่วนไหนเกิดการบาดเจ็บ ร่างกายเราจะทำหน้าที่ส่งสารอาหารไปยังที่นั้น เพื่อเป็นทัพเสริมในการซ่อมแซม อย่างไรก็ตามจุดรอยแดงบางจุดที่เกิดการเสียหายอย่างหนัก ซึ่งอาจเกิดได้จากการติดเชื้อ หรือการที่เรากดสิวเม็ดนั้นแรงจนเกินไปจนทำให้เกิดการอักเสบ สารอาหารก็จะไม่สามารถลำเลียงตัวเองเข้าไปซ่อมแซมส่วนนั้นได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น สิวเม็ดนั้นก็จะสร้างเส้นเลือดฝอยขึ้นมาซ่อมแซมตัวเอง ภาพที่ออกเลยเป็นภาพที่ผิวหนังบวมเป่งสีแดง
ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ทำให้รอยแดงดูน่ากลัวกว่ารอยดำคือ ปกติแล้วคู่อริของรอยดำคือ สารต้านอนุมูลอิสระและเซลล์เม็ดเลือดขาว ที่เราสามารถเติมเข้าไปด้วยด้วยกิจกรรมต่างๆ แต่สำหรับรอยแดงที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยนั้น พูดได้เลยไม่มีคู่ต่อสู้เลย สิ่งเดียวที่จะทำให้รอยแดงจางหายไปได้ก็คือการอาศัยเวลาเพียงเท่านั้น
การเลเซอร์...ช่วยกำจัดรอยดำและรอยแดงได้ยังไง
สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเลเซอร์คือ แสงหรือคลื่นพลังงานที่ยิงลงบนผิว จะไม่ทำปฎิกิริยากับผิวทุกส่วน เช่นถ้าเป็นเลเซอร์ลบรอยดำ ถึงแม้ว่าจะมีการยิงเครื่องเลเซอร์ทั่วใบหน้า แต่การทำงานจากเครื่องนั้นจะทำงานเฉพาะจุดที่มีสีดำเท่านั้น โดยจะไม่ทำลายผิวรอบข้างเลย ทุกครั้งที่เราสะดุ้งจากคลื่นพลังงาน นั่นก็หมายถึงว่าเครื่องเลเซอร์ได้กระจายเม็ดสีดำ (melanin) ให้แตกตัวออกจากกัน จากนั้นก็จะเป็นการง่ายมากขึ้น ที่เม็ดเลือดขาวจะเข้าไปกำจัดเม็ดสีที่แตกตัว ทำให้ย่นระยะเวลาให้ผิวเรากลับมากระจ่างใสได้ไวขึ้น ซึ่งกระบวนการทำงานของเลเซอร์ลบรอยแดง ก็มีลักษณะคล้ายๆ กัน แต่แตกต่างกันที่เครื่องมือ และคลื่นพลังงาน
ยิงเลเซอร์นัดเดียว...ได้นกสองตัว
อย่างที่บอกว่าคลื่นพลังงานที่ทำปฎิกิริยาบนใบหน้า จะเลือกการทำงานเฉพาะจุดเท่านั้น แต่อานิสงส์ที่จะได้รับต่อมาคือเส้นขนบนใบหน้าจะมีสีที่อ่อนลงไปด้วย เพราะขนของเราเองก็มีสีดำเช่นกัน แต่ถ้าใครที่อยากกำจัดขนแบบถึงรากถึงโคน ก็สามารถเปลี่ยนการรักษาและเครื่องมือ เป็นแบบกำจัดขนบนใบหน้าโดยเฉพาะ และปรับค่าความแรงของเลเซอร์ให้สูงขึ้น ดังนั้นสิ่งที่จะได้แถมจากการเลเซอร์ขนก็คือ เป็นการช่วยลดรอยดำหรือรอยแดงไปด้วย
แม้แต่ขนยังกระจุย...แล้วผิวเราจะไม่บางลงหรอ
จริงอยู่ที่ค่าพลังงานของเลเซอร์ จะมีอานุภาพทำให้เส้นขนเปลี่ยนสี หรือทำให้เม็ดสีแตกตัวได้ แต่จริงๆ แล้วเลเซอร์ไม่ได้ทำให้ผิวหนังบนใบหน้าบางลงเลย ในทางกลับกันยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวขึ้นไปอีก เมื่อคลื่นพลังงานเลเซอร์ตกกระทบบนผิว เม็ดสี (Melanin) ต่างๆ บนใบหน้าจะแตกตัวออกจากกัน ทำให้ผิวที่มีกำแพงเม็ดสีเข้มเล็กๆ คอยปกป้องอ่อนแอลง บวกกับการยิงเลเซอร์ขนหรือรอยดำนั้น ความร้อนจะทำให้ผิวหน้าแห้ง เลยเป็นผลให้ผิวส่วนนั้นขาดน้ำและไวต่อแสง เป็นเหตุให้หลังจากทำเลเซอร์แล้ว สิ่งที่ควรทำคือหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดในช่วงที่ผิวอ่อนแอ ทั้งนี้ทั้งนั้นระหว่างที่ผิวกำลังพักฟื้นอยู่นั้น ผิวหนังของเราก็จะค่อยๆ สร้างคอลลาเจนออกมาปกป้องผิวตามกลไกร่างกาย ส่งผลให้ 1-2 สัปดาห์หลังจากทำเลเซอร์บนใบหน้า นอกจากรอยดำ รอยแดง เส้นขนที่เปลี่ยนสีแล้ว หน้าเราจะดูเปล่งปลั่งมากขึ้นไปด้วย
เห็นมั้ยว่าความเชื่อที่เราเชื่อกันว่า การทำเลเซอร์บนใบหน้าที่จะทำให้ผิวบาง ความจริงแล้วมันอาจไม่ใช่ และในทางกลับกันเราได้ประโยชน์จากการทำเลเซอร์มากกว่าที่คิด สำหรับใครที่กังวลใจว่าจะเจ็บหรือแสบผิวแค่ไหน ก็ขอบอกเลยว่าเค้ามีการประคบเย็นก่อนทำ และหลังทำนั้นก็ต้องมีการมาส์กหน้าเพื่อลดความร้อนของผิวลงด้วย พูดได้เลยว่ายิงเสร็จปุ้บเดินช้อปปิ้งต่อได้เลย โดยไม่ได้มีอาการทรมานอย่างที่คิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจะดีที่สุด