อย่าปล่อยให้โรคแพนิค มาทำให้สุขภาพจิตพัง!
เชื่อเลยว่าต้องมีคนเคยได้ยินคนรอบตัวเราพูดกับเรา “อย่าแพนิคไปก่อนสิ” ฟังดูอาจจะเป็นคำทั่วๆ ไปที่ดูเหมือนจะดี แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่า โรคแพนิคที่หลายคนกำลังเผชิญอยู่ อาจรุนแรงถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าได้เลยโรคแพนิคคืออะไร ?
โรคแพนิค หรือ Panic Disorder เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนที่ทำงานผิดปกติจนทำให้ร่างกายเกิดการกระตุ้นทำให้เราเกิดอาการแพนิคขึ้นมา แม้ว่าโรคแพนิคจะเป็นโรคที่ไม่ได้มีความอันตรายถึงชีวิต แต่คนที่เป็นโรคแพนิค ควรเข้ารับการรักษาตัว เพราะลักษณะของอาการที่เกิดขึ้น อาจรุนแรงขึ้น และพัฒนาเป็นโรคซึมเศร้าได้เลย ฉะนั้นหากใครรู้สึกว่าตัวเองมีลักษณะอาการเหล่านี้ ให้สันนิษฐานไว้ได้เลย ว่าคุณอาจจะกำลังเผชิญกับโรคแพนิคอยู่
- มีอาการใจเต้นแรง แน่นหน้าอก
- เหงื่อออกมากจนผิดปกติ หรือ รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ
- รู้สึกว่าตัวเองหายใจถี่ หายใจตื้น หรือ หายใจไม่อิ่ม
- มีอาการวิงเวียนศีรษะ หรือมีลักษณะอาการเหมือนคล้ายจะเป็นลม
- รู้สึกคลื่นไส้ หรือรู้สึกอยากอาเจียน
- รู้สึกกลัวไปหมดทุกอย่าง เครียดไปหมดทุกสิ่ง โดยเฉพาะความตาย
- ควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกอยู่คนเดียวไม่ได้ และรู้สึกไม่ปลอดภัย
อาการดังกล่าวเป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเบื้องต้น หากเราพบความผิดปกติของร่างกาย ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการวินิจฉัยจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราอยากให้ทุกคนระวัง คือเราไม่รู้ตัวว่าเราเป็นโรคแพนิค บางคนอาจจะใช้ชีวิตประจำวันไปอย่างปกติดี แต่เราอาจจะมีพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงอยู่ เช่น เป็นคนโรคกลัว รู้สึกหวาดระแวง และมักจะกังวลไปก่อน ทั้งๆ ที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นเลย นอกจากนี้ โรคแพนิคอาจเกิดขึ้นได้จากพันธุกรรม ซึ่งพ่อแม่ หรือญาติทางสายเลือดอาจจะเป็นโรคแพนิค ทำให้เรามีความเสี่ยงที่อาจจะเป็นโรคแพนิคได้มากกว่าคนทั่วๆ ไป
กู้สภาพจิตใจด้วยเทคนิคเหล่านี้
อย่างที่เราทราบกันดีว่า โรคแพนิคอาจเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน หรืออาจจะเกิดขึ้นจากพันธุกรรม ดังนั้นหากเราทราบแล้วว่าเรากำลังเผชิญกับโรคแพนิคอยู่ ลองใช้เทคนิคเหล่านี้อาจทำให้คุณโบกมือลาโรคแพนิคไปตลอดชีวิตได้เลย
- เข้าสู่กระบวนการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างที่เรารู้กันว่า ระดับของฮอร์โมนที่ผิดปกติมีความจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากที่สุด และหลีกเลี่ยงที่จะเพิ่มความเสี่ยงโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ด้วย สำหรับการรักษาที่ดีที่สุด คือ การรักษาแบบองค์รวม มีตั้งแต่การกินยาเพื่อปรับฮอร์โมนให้สมดุล การปรึกษาจิตแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนสภาพจิตใจให้ดียิ่งขึ้น และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเรา
- พักผ่อนให้เพียงพอ กินข้าวให้ตรงเวลา การทำทุกกิจวัตรประจำวันให้ดี และตรงเวลาที่สุด คือสิ่งที่เราต้องฝึกฝนให้เป็นปกติ ซึ่งจะช่วยให้ปัญหาโรคแพนิคที่เรากำลังเผชิญให้ดียิ่งขึ้น
- เลี่ยงที่จะปะทะกับปัญหาต่างๆ บางครั้งการหลีกเลี่ยงกับปัญหา อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา และการที่เราไม่เผชิญกับปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอ แต่เรามีความจำเป็นต้องรักษาสภาพจิตใจของเราให้อยู่ในระดับที่ดี สิ่งนั้นคือปัจจัยที่สำคัญของการหายขาดจากโรคแพนิค
- เพื่อนคู่คิดคือทางออกที่ดี บางครั้งการคิดอะไรเพียงแค่คนเดียวอาจไม่ใช่ทางออกของปัญหา การมีคนช่วยรับฟังและช่วยแก้ปัญหาคงจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี อย่างน้อยๆ เราก็ไม่ได้เผชิญสิ่งเลวร้ายอยู่คนเดียว…จริงมั้ย
ถึงแม้ว่าโรคแพนิคจะไม่ได้เป็นโรคที่น่ากลัว แต่มีความจำเป็นต้องรักษาให้หายขาด ดังนั้นหากใครมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เสี่ยง ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษา อย่าปล่อยไว้จนสภาพจิตใจเราบอบช้ำ เพราะมันอาจรุนแรงเกินจะรับได้ เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจดีๆ ให้ทุกคน