อย่าปล่อยให้ 'กลิ่นเต่า' ตามติดเป็นเงาตามตัว
ถ้าพูดถึงเรื่องของ “กลิ่น” แน่นอนว่าคงไม่มีใครชอบ โดยเฉพาะกลิ่นอับชื้น กลิ่นเหงื่อ หรือกลิ่นเต่าที่ตามเราไปอยู่ทุกที่ ในความเป็นจริงแล้ว ที่มาของ “กลิ่นเต่า” หรือกลิ่นตัว ไม่ได้เกิดจากเหงื่อแต่อย่างใด แต่เกิดจากจุดอับชื้นใต้วงแขนที่มีแบคทีเรียซุกซ่อนอยู่ต่างหาก และเมื่อเจอกับเหงื่อก็เลยเกิดปฏิกิริยาทำให้เกิดกลิ่นเต่าขึ้นมา แล้วเราจะรับมือกับกลิ่นเต่าแบบนี้ได้ยังไงล่ะ?
#ใช้มะนาวสิช่วยได้นะ
นั่นก็เพราะในมะนาว มีกรดซิตริกที่มีส่วนช่วยหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียใต้วงแขน ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นเต่าได้ เราสามารถใช้มะนาวแก้ปัญหานี้ได้โดยการใช้สำลีจุ่มกับน้ำมะนาวแล้วนำมาซับบางๆ ที่ใต้วงแขน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องใช้อย่างพอดี ไม่ใช้มากเกินไป เพราะหากใช้มากผิวใต้วงแขนอาจไหม้ หรือถูกกัดจนดำคล้ำได้
#เบคกิ้งโซดาช่วยซ่อนกลิ่นได้เหมือนกัน
ใครจะไปเชื่อว่าเบคกิ้งโซดาไม่ใช่แค่ดับกลิ่นอับในตู้เย็นได้เท่านั้น แต่ยังช่วยซ่อนกลิ่นเต่า กลิ่นแรงๆ ที่ซ่อนอยู่บนร่างกายเราได้ ซึ่งวิธีการก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่นำเบคกิ้งโซดาเพียง 1 หยิบมือ ผสมน้ำเล็กน้อยให้ชุ่มในอุ้งมือ ทาใต้วงแขนขณะอาบน้ำแล้วล้างออก จากนั้นก็อาบน้ำตามขั้นตอนปกติต่อไป เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดกลิ่นอับชื้นไม่พึงประสงค์ได้แล้ว
#ให้ความสำคัญกับการรักษาความสะอาดร่างกาย
วิธีนี้ถือเป็นข้อควรปฏิบัติเบื้องต้นในการกำจัดกลิ่นเต่าและกลิ่นตัว เพราะโดยส่วนใหญ่กลิ่นตัวนั้นมักมาจากการไม่รักษาความสะอาดเท่าที่ควร ทำให้เกิดการหมักหมมและกลายเป็นกลิ่นอับ ดังนั้นทุกครั้งที่อาบน้ำก็ควรยกแขนขึ้นทำความสะอาดบริเวณรักแร้ให้สะอาดเป็นพิเศษสักหน่อย เพื่อที่คราบเหงื่อคราบไคลหรือสิ่งสกปรกที่หมักหมมอยู่จะได้ออกไป เท่านี้สาเหตุของการเกิดกลิ่นตัวก็ลดลง และเมื่อร่างกายสะอาดคุณก็จะรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
#อาหารบางชนิดมีส่วนทำให้เกิดกลิ่นเต่าด้วยนะ
รู้มั๊ยว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปทุกวันมีส่วนทำให้เกิดกลิ่นเต่าได้ โดยเฉพาะอาหารที่มีกลิ่นแรง จะยิ่งทำให้กลิ่นตัวที่แรงขึ้น และเมื่อกลิ่นเหล่านั้นถูกผสมกับเหงื่อไคลด้วแล้ว กลิ่นที่ออกมาก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นใครที่มีกลิ่นตัวก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง เพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นเต่าอีกทางหนึ่งยังไงล่ะ
#หมั่นออกกำลังกายให้ร่างกายได้เผาผลาญ
เราเชื่อว่าหลายคนที่มีกลิ่นเต่าส่วนใหญ่จะไม่กล้าออกกำลังกายให้เหงื่อออก เพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดกลิ่นมากขึ้น แต่รู้มั๊ยว่าการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายได้เผาผลาญและระบายของเสียออกมา ยิ่งระบายออกได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้กลิ่นตัวก็จะน้อยลง นอกจากนี้แล้วหลังจากออกกำลังกายก็ควรจะอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้หมดจด เพื่อลดกลิ่นเหงื่อนั่นเอง
#ดูแลขนรักแร้อย่างสม่ำเสมอ
การปล่อยให้ขนรักแร้ยาวมากๆ จะทำให้บริเวณใต้วงแขนกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และเมื่อเจอกับเหงื่อก็ทำให้เกิดกลิ่น ดังนั้นเพื่อลดกลิ่นอับชื้น หรือกลิ่นรักแร้ ควรหมั่นตัดและเล็มขนรักแร้ให้สั้นอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
#แก้ปัญหาแล้วกลิ่นตัวไม่หาย...อาจเป็นสัญญาณความผิดปกติในร่างกาย
หากใครที่ลองวิธีข้างต้นแล้วไม่หาย หรือมีกลิ่นมาจากผิวหนัง ลมหายใจ ปัสสาวะ นั่นอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติในร่างกาย ซึ่งในทางการแพทย์โรคบางอย่างอาจแสดงความผิดปกติออกมาทางร่างกายในรูปแบบของกลิ่น เช่น โรคเกี่ยวกับระบบการเผาผลาญอาหาร ภาวะลำไส้อักเสบจากการเจริญเติบโตของยีสต์ ทำให้มีกลิ่นปากเหม็น การขาดน้ำเรื้อรังทำให้มีกลิ่นของการขาดน้ำ นอกจากนี้แล้วกลิ่นตัวอาจบ่งบอกถึงการทำงานที่ผิดปกติของ ตับ ไตได้อีกด้วย
รู้อย่างนี้แล้วหากรู้ว่าตัวเองมีกลิ่นตัวก็ควรจะรีบจัดการให้หาย แต่ถ้าดูแลร่างกายตัวเองเป็นอย่างดีแล้วแต่อาการดังกล่าวไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและหาทางรักษาอย่างถูกวิธีจะดีที่สุด
อ่านบทความ : รู้มั้ย? กลิ่นตัว... บอกโรคได้