6-8 ชั่วโมงต่อคืน เป็นช่วงเวลาที่เราควรใช้ไปกับการนอนหลับถึงจะดีต่อสุขภาพ

แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำตามได้ อาจเพราะภาระงานที่ยังสะสางไม่เสร็จ หรือแม้แต่การติดซีรีย์ซึ่งเราก็ไม่รู้จะบอกให้คุณไปนอนยังไงดี... แต่สำหรับบางคน แม้จะอยากหลับให้สนิทแค่ไหนก็ทำไม่ได้ เพราะโรคบางอย่างเข้ามาเป็นอุปสรรคจนเกิดผลเสียอื่นๆ ตามมา

มาดูกันว่าทั้ง 8 โรค ที่ถ้าป่วยแล้วจะทำให้หลับไม่สนิทหรือหลับยาก มีอะไรบ้าง

Photo by Matheus Vinicius on Unsplash
1. ภูมิแพ้

สารก่อภูมิแพ้ในอากาศทำให้ทางเดินหายใจเกิดการอักเสบและกระตุ้นให้มีการผลิตสารฮีสปามีน ที่ทำให้มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และหากตอนกลางคืนยังมีอาการแบบนี้ ย่อมรบกวนการนอนหลับอยู่แล้ว โดยงานวิจัยที่เผยแพร่ในเว๊บไซต์ eurekalert.org ชิ้นหนึ่งบอกว่า มากกว่า 40% ของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้จะมีปัญหาการนอนหลับ ซึ่งการกินยาแก้แพ้จะช่วยบรรเทาอาการลงได้... หากใครที่มีอาการไอ จาม น้ำหูน้ำตาไหล คันคอและคันจมูก ให้เตรียมใจไว้เลยว่าอาจป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อยู่นะ
 

มูลนิธิการนอนหลับแห่งสหรัฐอเมริการายงานว่าโรคนี้เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของปัญหานอนไม่หลับในชาวอเมริกันวัย 45-63 ปี นั่นเพราะกรดในกระเพาะอาหารจะไหลย้อนขึ้นมาตามหลอดอาหารเวลาที่เรานอนราบไปกับเตียง ทำให้แสบหน้าอกและจะไอหรือสำลักจนต้องลุกขึ้นมากลางดึก... อาการอื่นๆ ของโรคนี้ มีตั้งแต่เหงือกอักเสบ เจ็บคอ เรอ และลมหายใจเหม็น ซึ่งรักษาให้หายได้โดยการใช้ยาและเปลี่ยนพฤติกรรม
 

Michael Breus แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจากอเมริกาบอกว่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าราว 75% มีปัญหานอนไม่หลับ ซึ่งทั้งสองปัญหาต่างส่งผลซึ่งกันและกัน กล่าวคือคนที่มีปัญหาการนอนอาจทำให้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก็มีปัญหานอนไม่หลับ นั่นคือเหตุผลหนึ่งว่าทำไมผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจึงต้องพักผ่อนให้เพียงพอ... ใครที่คิดว่าตัวเองเข้าข่ายโรคซึมเศร้า เพราะรู้สึกหมดแรงจูงใจ ไม่สนใจสิ่งต่างๆ รู้สึกสิ้นหวัง ความอยากอาหารเปลี่ยนไป และมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด
 

Michael Breus บอกว่าอาการบ่งชี้สำคัญของภาวะนี้คือนอนกรนเสียงดัง นอนอ้าปากหรือหายใจเสียงดัง ตามปกติแล้วเมื่อเรานอนหลับ กล้ามเนื้อในลำคอจะผ่อนคลาย แต่สำหรับคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ กล้ามเนื้อส่วนนี้จะผ่อนคลายมากเกินไปจนไปปิดกั้นทางเดินหายใจ จนต้องตื่นขึ้นมาหายใจ... อาการอื่นๆ ของภาวะนี้คือมักมีเหงื่อออกตอนกลางคืน ปากแห้ง เจ็บคอจนต้องตื่นนอน ปวดหัวตอนเช้า ปัญหาอีกอย่างที่มักตามมาคือไม่ค่อยมีสมาธิระหว่างวัน และที่หลายคนอาจไม่คาดคิดคือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจเป็นต้นเหตุของความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยนะ
 

หลายคนอาจสงสัยว่ามีโรคแบบนี้ด้วยหรอ แต่มันมีอยู่จริงๆ... ใครที่มีอาการปวดเมื่อย ปวดแสบ รู้สึกมีเข็มแทงข้อเท้า หรือรู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ที่ขา ตอนกลางคืนบ่อยๆ นั่นแหละคือสัญญาณว่าคุณป่วยเป็นโรค Restless legs syndrome (RLS) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มขาอยู่ไม่สุข เป็นความผิดปกติของการนอนหลับที่ชาวอเมริกันเป็นมากถึง 10% ต้องสะบัดขาแรงๆ เพื่อให้อาการหายไป
 

หรืออาจเรียกว่าไฮเปอร์ไทรอยด์ เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากกว่าปกติ ทำให้กระบวนการทำงานของร่างกายทำงานเร็วขึ้น ทำให้คนรู้สึกอยู่ไม่สุขและมีพลังมากขึ้น ซึ่งมูลนิธิการนอนหลับแห่งสหรัฐอเมริกาบอกว่าหากเป็นเช่นนี้ เราอาจไม่สามารถพักผ่อนหรือนอนหลับได้เต็มที่ นานวันเข้าก็จะรู้สึกอ่อนล้า และในที่สุดก็ทำให้อิดโรย อ่อนแรงอย่างน่าเหลือเชื่อ... ซึ่งอาการอื่นๆ ของไฮเปอร์ไทรอยด์มีตั้งแต่มือสั่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ขับถ่ายบ่อย และน้ำหนักลด ถ้าใครมีอาการแบบนี้แล้วยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นโรคนี้หรือเปล่า ก็สามารถพบแพทย์ได้
 

โรคนี้มักพบในผู้สูงอายุ ซึ่งเกิดจากความเสื่อมของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการสั่น มีปัญหาเรื่องการทรงตัว การพูด การเดิน และการกิน ผู้ป่วยมักตื่นขึ้นมากลางดึกและจะหลับต่อได้ยาก โดยมูลนิธิการนอนหลับแห่งสหรัฐอเมริกา ยังบอกอีกว่าผู้ป่วยพาร์กินสันมักเจอปัญหาขาอยู่ไม่สุข ต้องตื่นมาฉี่บ่อยๆ รวมทั้งฝันร้าย ซึ่งต่างก็ทำให้หลับไม่สนิททั้งนั้น
 

นพ.เจฟฟรี เดอร์เมอร์ แพทย์ผู้ร่วมก่อตั้ง FusionHealth อธิบายว่า โรคหลอดเลือดหัวใจและปัญหาเกี่ยวกับปอดมักเชื่อมโยงกับการนอนหลับ โดย 44% ของผู้ป่วยโรคหัวใจมีปัญหาการนอนหลับ ขณะที่คนทั่วไปมีปัญหานี้เพียง 10% เท่านั้น “โดยธรรมชาติแล้ว ช่วงระหว่างวันจะมีของเพลวไหลไปที่เท้าซึ่งทำให้เท้าบวม และเมื่อเราเข้านอนในตอนกลางคืนของเหลวเหล่านั้นก็จะไหลเวียนทั่วร่างกายตามปกติ แต่ถ้าหัวใจคุณทำงานไม่ดี ระหว่างที่ของเหลวไหลกลับที่เดิมอาจไปติดค้างอยู่ที่ปอดและหัวใจ ซึ่งการตื่นมานั่งจะทำให้ร่างกายกระจายของเหลวดีขึ้น”

การนอนหลับดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าเราไม่ดูแลสุขภาพจนป่วยเป็น 1 ใน 8 โรคนี้แล้วล่ะก็ เรื่องง่ายๆ นี้ก็จะกลายเป็นเรื่องยากจนกระทบสุขภาพร่างกายโดยรวมต่อไปอีก เป็นวงจรแย่ๆ ไม่รู้จบ