หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนุกกับการทำงาน ไม่หวั่นต่ออุปสรรค รักความท้าทาย กี่งานก็ไหว ทุ่มทั้งใจให้ชมรมคนรักงาน แต่วันดีคืนดี ก็เกิดรู้สึกว่า เอ๊ะ! ตื่นมารู้สึกไม่ค่อยสดชื่น อยากอยู่เฉยๆ ไม่อยากทำอะไร พยายามคิดงานสมองก็ไม่แล่น สมาธิจดจ่อกับงานก็ไม่มี อารมณ์ไม่ดี ไม่อยากสุงสิงกับใคร หากกำลังรู้สึกโดนสถานการณ์เหล่านี้ครอบงำ บอกเลยว่ามือโปรอย่างคุณอาจไม่ใช่แค่หมดไฟในการทำงาน แต่อาจกำลังประสบปัญหาภาวะสมองล้าโดยไม่รู้ตัว

 

อาการหมดไฟในการทำงานกับอาการสมองล้า ค่อนข้างจะส่งผลกระทบที่คล้ายกันมากๆ ไม่ว่าจะทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยล้า อารมณ์แปรปรวน ขาดความคิดสร้างสรรค์ เหมือนจะเบลอๆ มึนๆ วิ๊งๆ เวลารับบรีฟงาน  แต่จะมีความแตกต่างอยู่ตรงที่ภาวะหมดไฟในการทำงานมีสาเหตุมาจากสภาวะทางด้านจิตใจ และอารมณ์เป็นหลัก แต่ภาวะสมองล้าเป็นภาวะทางกายภาพที่เกิดจากสมองต้องทำงานอย่างหนักติดต่อกัน จึงมักทำให้มีอาการปวดหัวร่วมด้วย ฉะนั้นภาวะหมดไฟในการทำงานจะไม่ค่อยส่งผลกระทบทางด้านสุขภาพมากนัก ในทางกลับกันภาวะสมองล้านี่แหล่ะที่อันตราย อาจส่งผลร้ายถึงทำให้เป็นอัลไซเมอร์ก่อนวัยได้เลยทีเดียว

 

แม้ว่าการทำงานแบบ MULTI-TASKING ดูจะเป็นทักษะที่หลายบริษัทต้องการ ก็เล่นทำงานได้แบบ All in one แบบนี้ จ้างไว้ยังไงก็คุ้ม! แต่คุณรู้ไหมว่าการทำงานแบบมือโปรของคุณกำลังทำให้สมองต้องเสี่ยง! โดยนักวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้ทำการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มคนที่ทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน กับกลุ่มคนที่จัดการงานทีละอย่าง  พบว่าการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน นั้นมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการทำทีละอย่าง เนื่องจากสมองของเราสามารถจดจ่อกับสิ่งเดียวเท่านั้นในแต่ละครั้ง การพยายามทำหลายสิ่งพร้อมกัน จะทำให้สมองสูญเสียสมาธิ จัดระเบียบความคิดได้ช้าลง จึงทำให้งานสำเร็จลุล่วงได้ช้าลงตามไปด้วย 

 

ยัง ยังไม่หมดแค่นั้น การที่สมองจะต้องกระโดดข้ามระหว่างการทำงานหนึ่งไปอีกงานหนึ่งพร้อมๆ กัน ยังทำให้สมองต้องทำงานหนัก โครงสร้างสมองเกิดความเสียหาย โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Sussex ในสหราชอาณาจักรได้ทำการ MRI สมองของกลุ่มทดลอง ขณะที่ส่งข้อความไปพร้อมๆ กับดูทีวี พบว่าความหนาแน่นของสมองในส่วน Anterior Cingulate Cortex ซึ่งเป็นส่วนสําคัญต่อการคาดการณ์การตัดสินใจ การควบคุมและตอบสนองต่อความเครียด มีความหนาแน่นลดน้อยลง และการใช้สมองทำหลายสิ่งพร้อมกันก็เป็นเหตุสำคัญทำให้สมองล้า ซึ่งหากยังดันทุรังใช้สมองอย่างหนักแบบนี้ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของสมองลดน้อยลง จนท้ายที่สุดอาจนำไปสู่โรคทางสมองและระบบประสาทได้

 

ไม่อยากสมองเสื่อมก่อนวัย ต้องบำรุงให้ถูกจุด                                                             
พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี ผู้อำนวยการพรีเมียร์ไลฟ์เซ็นเตอร์ โรงพยาบาลพญาไท 2 แนะนำเคล็ดลับการดูแลสมองง่ายๆ ที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ เพียงทำตามนี้

• พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอจะส่งผลต่อการทำงานของสมอง ทั้งในด้านการใช้ความคิด และการตื่นตัวของสมอง และยังส่งผลร้ายต่อภูมิคุ้มกันของร่างกาย เรียกได้ว่าแค่อดนอนสุขภาพอาจพังมากกว่าที่คิด

• ออกกำลังกาย เพื่อให้หัวใจสูบฉีดเลือดอย่างเต็มที่ เนื่องจากการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นให้ออกซิเจนในร่างกายหมุนเวียนมากยิ่งขึ้น การทำงานของสมองส่วนการตัดสินใจและความจำก็จะยิ่งทำงานได้ดีมากขึ้นตามไปด้วย

• ฝึกสมอง เพราะการที่สมองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้เล่นเกมฝึกสมองที่มีประโยชน์ เช่น เกมคำศัพท์ หมากรุก ล้วนเป็นกิจกรรมช่วยบริหารสมองที่ดี

• เลือกทานสิ่งดีที่มีประโยชน์ต่อสมอง ไม่ว่าจะ วิตามินบี 6 ที่มีส่วนช่วยในการผลิตสารเคมีในสมอง ซึ่งพบมากในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ธัญพืช, วิตามินบี 12 ที่มีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงให้สมบูรณ์ และบำรุงเนื้อเยื่อประสาท ซึ่งพบได้แต่เฉพาะในเนื้อสัตว์ ปลา สัตว์ปีก และผลิตภัณฑ์จากนมต่างๆ, โคลีน (Choline) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ เยื่อหุ้มสมอง กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท จึงมีส่วนช่วยเรื่องสารสื่อประสาทที่ใช้ในการส่งกระแสประสาทของสมอง โคลีนก็จะพบได้มากในไข่แดง เครื่องในสัตว์ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง จมูกข้าว ข้าวโอ๊ต กะหล่ำปลี เป็นต้น รวมไปถึงใบแปะก๊วย ที่มีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปสู่สมอง และ สารสกัดโรสแมรี่ ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการทำงานของสมองในส่วนความจำ ทำให้สามารถจดจำอะไรได้ดีและสมาธิดีขึ้น

 

อย่าลืมเสียล่ะ… ว่าสมองเป็นศูนย์บัญชาการหลักของร่างกาย ที่ทำงานอย่างไม่เคยหยุดพัก บำรุงผิวพรรณเพื่อความงาม ก็อย่าละเลยที่จะบำรุงสมองกันด้วยนะ อย่างเราขอเลือกให้ LAVITA FRONTEX เป็นตัวช่วย เพราะเค้ารวบรวมสารสกัดคุณภาพที่เป็นที่ต้องการของสมองมาให้ครบ ง่ายๆ แค่ 1 เม็ดก่อนอาหารเช้า ก็พร้อมที่จะออกไปลุย! 

พร้อมติดตามโปรโมชั่นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ HA Store