ต้องโบกครีมกันแดดหนาแค่ไหน ถึงจะได้ SPF ที่เต็มประสิทธิภาพ
ช่วงนี้แดดบ้านเรารุนแรงซะจนคิดว่านั่งอยู่บนดวงอาทิตย์ เวลาออกจากบ้านแต่ละทีครีมกันแดดคือสิ่งที่ต้องห้ามลืมทาอย่างเด็ดขาด ถ้าไม่อยากให้ผิวเสียแบบกู่ไม่กลับ แต่รู้หรือเปล่าว่าการทาครีมกันแดดนั้นไม่ใช่แค่ดูแต่ค่า SPF อย่างเดียวก็มั่นใจได้แล้วว่าจะสามารถป้องกันผิวเราจากแสงแดดได้ปลอดภัย 100%ผลวิจัยคอนเฟิร์ม 'ปริมาณ' คือสิ่งสำคัญ
เพราะจากการวิจัยของมหาวิทยาลัย คิงส์ คอลเลจ ประเทศลอนดอน พบว่า สาเหตุที่นักอาบแดดทั้งหลายทำไมผิวถึงไหม้เบิรน์ หรือบางคนเป็นถึงขั้นมะเร็งผิวหนัง นั่นก็เพราะว่าพวกเขาทาครีมกันแดดในปริมาณที่น้อยจนเกินไป ถึงต่อจะให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงแค่ไหนก็ตาม ก็แทบจะไม่มีประโยนช์ หรือแทบจะไม่ช่วยป้องกันเลยแล้วยิ่งโดยเฉพาะถ้าผิวต้องสัมผัสกับแดดโดยตรงขนาดนั้น
ซึ่งโดยปกติแล้วเหล่าบรรดาผู้ผลิตครีมกันแดดมักจะคำนวณการใส่ค่า SPF โดยวัดจากปริมาณเนื้อครีม 2 มิลลิกรัมต่อผิวแต่ละตารางเซนติเมตร ซึ่งปริมาณที่คนส่วนใหญ่ทากันนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 0.8 มิลลิกรัมต่อบริเวณเท่านั้น ก็เลยทำให้ได้รับการปกป้องผิวเเค่ไม่กี่เปอร์เซนต์จากค่า SPF ที่ควรจะได้รับ ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า เราเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF20 แต่ทาน้อยเกิน ก็เท่ากับเราจะได้ค่าการปกป้องที่ SPF4 เท่านั้น
ปริมาณแค่ไหน ถึงจะมั่นใจได้ว่าปกป้องผิวได้ชัวร์
ปริมาณที่เหมาะสมสามารถวัดได้ง่ายๆ คือครึ่งช้อนชา (ประมาณ 3 ml.) สำหรับแขนแต่ละข้าง ผิวหน้า ลำคอ และหนึ่งช้อนชา (6ml.) สำหรับขาแต่ละข้าง รวมไปถึงลำตัวด้วย อ่านแล้วหลายๆ คนอาจจะตกใจว่ามันค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกัน แต่นี่คือปริมาณที่นักวิจัยเขาบอกมาว่าเวิร์คที่สุดแล้ว ซึ่งศาสตราจารย์ Anthony Young ผู้เขียนงานวิจัยเรื่องนี้ได้บอกว่า “คนทั่วไปมักจะประเมินประสิทธิภาพของครีมกันแดดสูงเกินไปทำให้พวกเขาอยู่กลางแดดนานกว่าที่ควรจะเป็น เพราะคิดว่าทากันแดดแล้ว ไม่เป็นไร” แต่เขาก็ได้ให้คำแนะนำไว้ว่าควรจะเลือกใช้กันแดดที่มีค่า SPF เยอะกว่าที่เราคิดว่าจำเป็นไว้ก่อน เพราะเรามักจะทาปริมาณน้อยกว่าที่บริษัทผู้ผลิตเขาตั้งใจให้ทาตอนเขาทำการทดลอง
สุดท้ายแล้วก็ท่องไว้ว่าครีมกันแดดนั้นถ้าต้องอยู่กลางแดดทั้งวัน หรือต้องเจอแดดเยอะๆ ก็ควรที่จะคอยเติมระหว่างวัน แล้วก็อย่าลืมเรื่องปริมาณที่เราบอกไปด้วยล่ะ ถ้ายังอยากให้ผิวสวยๆ อยู่กับเราไปนานๆ โบกไปเถอะอย่าได้แคร์!!!