ความเครียดไม่ได้กระทบแค่ใจ แต่ทำ “ลำไส้แปรปรวน” ได้ด้วยนะ
ชีวิตนี้ใครๆ ก็เคยเครียด จริงมั้ย? ความเครียดไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสภาวะทางจิตใจ หรือเป็นสาเหตุที่นำไปสู่โรคซึมเศร้าอย่างที่เราได้ยินกันบ่อยๆ เท่านั้นนะ แต่ความเครียดยังก่อให้เกิด “โรคลำไส้แปรปรวน” ได้อีกด้วย อ่ะ! มนุษย์วัยทำงานคนไหนที่ชอบจมกับความเครียดจนมักนอนหลับไปทั้งๆ ที่คิ้วยังขมวดปมเป็นโบว์อยู่บ่อยๆ ล่ะก็ เราแนะนำว่าควรรีบจัดการกับความเครียดของตัวเองแบบด่วนๆ เลย!
รู้มั้ย? เครียดมากๆ ส่งผลให้ “ลำไส้แปรปรวน” ได้
แม้ว่าจะยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด แต่ Dr. Douglas A Drossman อดีตผู้อำนวยการร่วมของ the UNC Center หรือศูนย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินอาหาร ได้บอกไว้ว่า “ความเครียดกับโรคลำไส้แปรปรวนนั้น มีความสัมพันธ์กันอย่างมาก” เพราะเวลาที่เรารู้สึกโกรธ ตื่นเต้น เครียด หรือโศกเศร้า จะส่งผลให้ลำไส้ใหญ่เกิดการบีบตัวผิดปกติ ซึ่งก็อาจจะตอบข้อสงสัยได้ว่าทำไมเวลาที่เราเครียดหรือตื่นเต้นมากๆ ถึงมีอาการปวดท้องหรือท้องไส้ปั่นป่วนได้!
ซึ่งก็สอดคล้องกับคำอธิบายของ Kenneth Koch แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหาร ที่บอกว่า...ความเครียดจะส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร คือ ทำให้หลอดอาหารหดเกร็ง, เพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้คุณรู้สึกคลื่นไส้ หรือมีอาการท้องเสียหรือท้องผูกได้
นิสัยการกินแบบผิดๆ ก็เพิ่มความเสี่ยงโรคนี้ได้เหมือนกันนะ
ไม่เพียงแค่ความเครียดเท่านั้นนะ แต่พฤติกรรมการกินแบบผิดๆ ก็ส่งผลให้เกิดโรคลำไส้แปรปรวนในมนุษย์วัยทำงานอย่างเราได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นนิสัยการไม่ชอบทานอาหารเช้า, ทานอาหารไม่ตรงเวลา, ชอบทานเนื้อสัตว์ติดมัน ไม่ชอบทานผักผลไม้, เสพติดชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม รวมไปถึงพฤติกรรมไม่ชอบออกกำลังกาย ก็มีผลต่อการทำงานของลำไส้เราได้เหมือนกัน
จัดการกับความเครียดยังไงดี...เรามีคำแนะนำมาบอก!
วิธีที่ 1: ออกกำลังกายเป็นประจำ
วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ การออกกำลังกาย เพราะไม่เพียงสารเอ็นโดรฟินที่หลั่งออกมาจะช่วยให้เราคลายเครียดได้แล้ว แต่การออกกำลังกายเป็นประจำยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงโรคต่างๆ ได้
มีการตีพิมพ์ในวารสาร Cognitive Behavioural Therapy เกี่ยวกับผลการศึกษาที่ให้ผู้ป่วย PTSD หรือผู้ป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรงจำนวน 33 คน ออกกำลังกายด้วยการเต้นแอโรบิก ซึ่งพบว่ากว่า 89% ของผู้ร่วมทดลอง มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
วิธีที่ 2: เลือกทานอาหารที่มีส่วนช่วยลดความเครียด
เคยได้ยินมั้ยว่า...เครียดแล้วต้องกินแก้เครียด! อยากจะบอกว่ามันคือเรื่องจริง เพราะมีการศึกษาพบว่าเวลาที่มีภาวะเครียดเกิดขึ้น ร่างกายจะปล่อยฮอร์โมน อย่าง Cortisol ออกมาจากต่อมหมวกไต ซึ่งเป็นปัจจัยนึงที่เพิ่มความอยากอาหารได้
แต่หากเอาแต่กินแก้เครียดแบบไม่เลือก...ก็อาจส่งผลให้เกิดโรคอ้วนได้! การกินแก้เครียดที่เวิร์คนั้นเลยต้องเลือกอาหารที่มีส่วนช่วยลดความเครียดของเราได้จริง เช่น ปลาแซลมอน ที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยให้เราอารมณ์ดีขึ้นได้ หรืออัลมอนด์ ที่อุดมด้วยแมกนีเซียมที่เป็นแร่ธาตุที่ช่วยจัดการกับระดับ Cortisol ได้
วิธีที่ 3: เล่นโยคะ
อย่างที่บอกไปว่าการออกกำลังกายช่วยลดความเครียดได้ แต่หากใครไม่ชอบวิ่งหรือไม่ชอบออกกำลังกายหนัก ก็มีผลการศึกษาจากการทดสอบให้ผู้หญิงเข้าคลาสเรียนหัตถะโยคะ ครั้งละ 1 ชั่วโมง สามครั้งต่อสัปดาห์ จำนวน 12 ครั้ง พบว่าโยคะสามารถลดความเครียด ความวิตกกังวล รวมถึงภาวะซึมเศร้าลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
การให้ความสำคัญกับชีวิตการทำงานเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ก็คือ การบาลานซ์ชีวิต! อย่าลืมจัดการให้หนึ่งวันของคุณมีช่วงเวลาแห่งความสุขบ้าง เพราะความสุขคือแบตเตอรี่ชั้นดีที่ทำให้เรามีพลังในการใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ