Top Secret! วิธีเติมความ Self ให้เพื่อนสาวรู้สึกมั่นใจในตัวเอง



เบื่อมั้ย? ที่ต้องนั่งฟังเพื่อนซี้สุดเลิฟบ่นว่าเธออ้วน เธอเตี้ย เธอคล้ำจนคุณต้องทำปากคว่ำใส่เธอหลายต่อหลายครั้งเพราะว่ามันไม่ได้แย่ขนาดน้านน… ซึ่งไม่ว่าเธอจะพึมพำอะไร อาการแบบนี้ ความจริงแล้วเราค้นพบว่าเป็นเรื่องที่ปกติมากก เพราะสิ่งที่เพื่อนคุณกำลังคิดอยู่นั้นดันไปตรงกับหลักจิตวิทยาของ Brianna Wiest นักเขียนผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาซึ่งเธออธิบายไว้ว่า คนเรามักมองว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่นั้นไม่เคยดีพออยู่แล้ว แถมยังมองว่ามันแย่เกินกว่าความเป็นจริงอีกด้วย ทำเอาคนที่รับฟังถึงกับส่ายหัวแบบถี่ๆ เลยหล่ะ!

และถ้านี่! เป็นสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่หล่ะก็ เอางี้มั้ย? เราขอแนะนำประโยคเด็ดเหล่านี้ให้คุณพูดกับเธอไปตรงๆ เลย เพราะเราเชื่อว่ามันจะเป็นเหตุผลที่ฟังแล้วใม่ใช่แค่ be nice กับเธอเท่านั้น แต่จะเป็นสิ่งที่ปลุกใจเธอให้เลิกเพ้อเจ้อมองตัวเองแย่เกินจริงสักที!

Sentence #1  “เธอช่วยมองฉันในกระจกทีสิ คิดว่าฉันดูเป็นไง”
หลังจากได้ลองวิเคราะห์ไอเดียของ Brianna การใช้ประโยคนี้กับเพื่อนคุณนั้นถือเป็นวิธีต้อนให้เธอได้ลองวิพากวิจารณ์รูปลักษณ์คุณแบบตรงไปตรงมา และไม่ว่าเธอจะบอกว่าคุณดูแย่หรือว่าดูดีขนาดไหน…สิ่งที่คุณต้องตอบกลับไปก็คือการบอกเล่าทัศนคติเชิงบวกที่คุณมีต่อตัวเอง เช่น บอกให้เธอรู้ว่าถึงแม้ว่าคุณจะมีสัดส่วนที่ดูไม่ค่อยจะถูกใจใคร แต่ว่าคุณก็รักตัวเองและพร้อมที่จะปรับปรุงเพื่อตัวเองไปเรื่อยๆ ซึ่งมันไม่ได้หมายความว่าคุณบ่นเพราะไม่แฮปปี้กับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่คุณแค่อยากแฮปปี้และสนุกกับการดูแลตัวเองมากขึ้นเท่านั้นเอง
 

และเราเชื่อว่าวิธีนี้เป็นหมัดเด็ดในการบอกเพื่อนคุณแบบอ้อมๆ เลยว่า ถึงแม้คุณจะไม่เพอร์เฟคในสายตาใครบนโลก หรือถึงแม้ว่าก้นคุณจะใหญ่เหมือนกะละมัง แต่คุณก็รักทุกสัดส่วนบนร่างกายตัวเองและเห็นคุณค่าในตัวเองมากกว่าเธอนั่นเอง  

Sentence #2    “เธอเชื่อป่ะ? เวลาที่ฉันบอกว่าตัวฉันดูแย่อ่ะ จริงๆ  ฉันไม่เคยคิดว่ามันแย่หรอกนะ ฉันแค่อยากถ่อมตัวเฉยๆ”
ประโยคนี้เราก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก เว็บไซต์ Bustle.com ที่พูดถึงการสร้างสีสันและโมติเวชั่นให้เพื่อนซี้สุดแสบ และนั่นก็คือการสร้างเวทีแข่งขันไซส์มินิระหว่างคุณกับเธอ ถ้าสังเกตประโยคนี้ดีดีจะพบว่าความจริงมันก็คือความกวนที่ซ่อนอยู่ บางทีเวลาเธอได้ยินก็อาจจะปากคว่ำใส่คุณได้เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่าจะทำให้เธอยิ้มกว้างเลยหล่ะ และที่สำคัญยังซ่อนนัยยะเชิงหยอกเย้าให้เพื่อนคุณได้ไฟท์กลับด้วยความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น
 
  Photo by Michelle Moody

ถ้าคุณลองสังเกตหลักการแข่งขันเชิงพัฒนาทักษะทางความคิดอย่างกีฬา ทุกคนล้วนคือเพื่อนกันได้ แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมแข่งขันเพื่อพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เห็นภาพแล้วใช่มั้ย? นั่นแหละเราแค่อยากให้เพื่อนคุณและตัวคุณเองพร้อมที่จะดูแลสุขภาพไปพร้อมๆ กันด้วยประโยคเด็ดนี้ยังไงหล่ะ

Sentence #3 “เชื่อฉัน! คน Healthy หลายคนเขาไม่คิดแบบแกนะ ดูนี่สิ!”
เพราะค่านิยมของแต่ละวัฒนธรรมและสังคมที่โอบล้อมเราอยู่นั้นเต็มไปด้วยสังคมและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตะวันตกหรือเอเชียหรือยุโรป ซึ่งก็หมายความว่าทุกที่ย่อมมีความเชื่อในเรื่องบิวตี้เทรนแตกต่างกันอยู่แล้ว เอาให้เข้าใจง่ายๆ ละกัน สมมุติว่าเพื่อนคุณชอบนักร้องญี่ปุ่นวงนี้มากก เธอก็จะให้ค่าความสวย ความเฮลธ์ตี้จากวัฒนธรรมนั้นไปเกินร้อยเลย นี่หล่ะคือจังหวะที่คุณจะพูดประโยคนี้กับเธอ เพราะจะทำให้เธอรู้สึกว่าเธอยังเข้าใจความหมายของคำว่าสวยและเฮลธ์ตี้แบบผิดๆ อยู่ ให้เพื่อนคุณเห็นว่าอย่างน้อยเธอไม่ใช่คนที่ดูแย่ ดูน่าเกลียดขนาดนั้น เพราะความเฮลธ์ตี้จริงๆ ต้องมาจากความแฮปปี้ในจิตใจของเธอก่อน เมื่อเธอรักและแฮปปี้กับตัวเอง นั่นแหละคือเสน่ห์และความเฮลธ์ตี้ที่มาจากภายในก่อนที่จะค่อยๆ พัฒนาความเฮลธ์ตี้ออกมาสู่เรือนร่างภายนอกนั่นเอง  ฉะนั้นหลังจากลั่นประโยคนี้ออกไป คุณต้องโชว์ไอจีสาวมีกล้าม หรือสาวเจ้าเนื้อที่เต้นระบำแล้วสวยพราวน์เสน่ห์ให้เธอเห็น เพราะพวกหล่อนเฮลธ์ตี้จากภายใน สวย เด่น จนคนทั่วโลกต้องฟอลโล 
 


หมดสามประโยคเด็ดนี้ เราขอสรุปให้สาวๆ ที่รักเพื่อนทั้งหลายว่า ความคิดของเพื่อนคุณคือตัวกำหนดความแฮปปี้ในชีวิตของเธอเอง ตราบใดที่ใจยังหม่นหมอง ก็คงยากที่จะมีชีวิตแบบดี๊ดีได้ และต่อให้ร่างกายสวยแค่ไหน ถ้าใจยังแย่ ตัดพ้อตัวเองแบบนี้ สุดท้ายร่างกายเธอก็จะแย่ลงตามไปด้วย รู้ยังงี้แล้วอย่าลืม bright up ให้เพื่อนคุณแบบไม่ต้องเอาใจเธอมากด้วยประโยคเหล่านี้ หรือไม่ก็แชร์คอนเทนต์นี้ลงใน IG และ เฟสบุ๊คโพสคุณก็ย่อมได้! 
 
-->