5 เทคนิคออกสตาร์ท สำหรับมือใหม่หัดวิ่ง
ช่วงนี้ใครๆ ก็ไปงานวิ่งกัน แถมมีรูปเก๋ๆ มาอวดในโซเชียลมีเดียอีก!การวิ่งถือเป็นการออกกำลังกาย ที่เริ่มต้นได้ง่าย ด้วยความที่อุปกรณ์น้อย และไม่จำเป็นต้องชวนใครให้วุ่นวาย คราวนี้ถ้าเรามีความคิดที่อยากจะไปวิ่งแล้ว เราก็ควรจะเริ่มตั้งแต่วันนี้เลย เพราะกว่าจะสะบัดความขึ้เกียจและข้ออ้างต่างๆ นาๆ ทั้งไม่มีเวลา อุปกรณ์ไม่พร้อม ฝนตก อากาศร้อน ก็คงต้องต่อสู้กับตัวเองอยู่ซักพักเลยแหละ ว่าแต่… ถ้าอยากลุกขึ้นมาวิ่งแล้ว เราต้องเริ่มจากอะไรก่อนดีล่ะ?
1. ซื้อรองเท้าวิ่งดีๆ ซักคู่
เริ่มต้นด้วยการซื้อรองเท้าวิ่งดีๆ สวยๆ เป็นของขวัญให้ตัวเองดูสิ จะได้มีแรงบันดาลใจให้ตัวเองเริ่มต้นออกไปวิ่งอย่างจริงๆ จังๆ ซักที ซึ่งรองเท้าวิ่งที่ดีนั้นควรเป็นรองเท้าวิ่งที่ใส่สบายและเหมาะกับรูปเท้าของแต่ละคน รองเท้าที่ออกแบบมาสำหรับวิ่งโดยเฉพาะ จะช่วยกระจายน้ำหนักและลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บระหว่างวิ่งเช่น เท้าแพลง เจ็บข้อเข่า รองช้ำ หรือเอ็นร้อยหวายอักเสบ อยากรู้วิธีเลือกรองเท้าวิ่งอ่านที่นี่เลย
2. ลงสมัครงานวิ่งไปเลย
สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ ลองสมัครงานวิ่งเพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ตัวเองออกไปซ้อมดูสิ เริ่มจากงานที่มีระยะ 5K หรือ 10K ก่อน เมื่อเรามีเป้าหมายชัดเจนแล้ว เราก็จะมีแรงผลักดันที่อยากทำให้สำเร็จ และแน่นอนว่าพอวิ่งงานแรกได้แล้ว มันก็จะให้ความรู้สึกว่า...เห้ย! เราก็ทำได้นี่นา ถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น วิ่งเร็วขึ้น รวมถึงได้ไปสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้อีกด้วย
3. กำหนดตารางวิ่ง
ออกเเบบตารางการวิ่งให้ตัวเอง อยากวิ่งตอนเช้าหรือตอนเย็น วิ่งที่ไหน กี่นาที แล้วแต่ถนัดเลย แต่อย่าหักโหมจนเกินไปล่ะ เพราะกล้ามเนื้อของคนที่ไม่ได้วิ่งมานาน จำเป็นจะต้องวอร์มอัพก่อน แนะนำให้วอร์มด้วยการเดินก่อน 5 นาที วิ่ง 2-3 นาที แล้วเดินต่ออีกที ทำสลับกันไป หลังจากนั้นค่อยๆ เพิ่มเวลาในการวิ่งให้นานขึ้นในแต่ละครั้ง
4. รู้จักยืดเส้นยืดสาย
ทั้งการ Warm up ก่อนวิ่ง และการ Cool down หลังวิ่ง ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรข้ามเชียวล่ะ ลองนึกภาพหนังยางแช่แข็ง ถ้าเราดึงตอนมันเย็นจัดๆ มันจะขาดทันที กล้ามเนื้อของเราก็เช่นกัน หากไม่ยืดกล้ามเนื้อก่อน โอกาสที่กล้ามเนื้อจะบาดเจ็บมีมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะมือใหม่หัดวิ่งอย่างพวกเรา การยืดเหยียดช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น พร้อมสำหรับการออกกำลังกาย และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งได้ด้วยนะ ส่วนการ cool down ช่วยปรับสภาพร่างกายให้เข้าสู่โหมดปกติ อีกทั้งยังช่วยกำจัดของเสียที่เกิดจากระบบเมตาบอลิซึ่มระหว่างการวิ่งด้วย
5. ไม่ต้องวิ่งเร็วก็แข็งแรงได้
ช่วงแรกเราลองวิ่งช้าๆ อย่าเพิ่งเร่งตัวเองจนเกินไป พอวิ่งไปซักพัก เราก็จะรู้จังหวะช้าเร็วของตัวเองล่ะ ลองสังเกตุตัวเองระหว่างวิ่ง ถ้าเราสามารถพูดคุยได้นิดหน่อย แปลว่านั่นคือความเร็วที่โอเคสำหรับเรา ถ้าอยากเพลิดเพลินระหว่างวิ่งล่ะก็ ลองหยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงระหว่างวิ่งก็ดีไม่น้อย เพราะเขาวิจัยมาแล้วว่าการฟังเพลงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งให้ดียิ่งขึ้น เป็นการหลอกตัวเองไม่ให้รู้สึกเหนื่อย เยี่ยมไปเลย!
นอกจากนี้ลองโหลดแอพวิ่งอย่าง Nike+ Running, Strava, Zombie Run, Runtastic หรือ Endomondo ช่วยเก็บสถิติการวิ่งของเราแล้วมาปรับปรุงการวิ่งในครั้งหน้าก็ไม่ดีไม่น้อยเลยนะ แถมบางแอพยังมีลูกเล่นให้เจ๋งๆ อย่างเช่น สร้างภารกิจและชวนเพื่อนๆ มาร่วมเล่น หรือแม้แต่มีโค้ชส่วนตัวคอยแนะนำ ก็ช่วยให้แผนการวิ่งของเราสำเร็จได้ง่ายขึ้น อย่าลืมไปลองโหลดมาเล่นกันดู!