5 Steps ช่วยให้หลับฝันดี ไม่มี Nightmare !!

เคยมั๊ย กว่าจะหลับก็ยากแสนยาก ดูหนังจบไปไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง แถมพอหลับได้ก็ฝันร้ายไปอีกก จะซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรขนาดนี้ แต่อย่าเพิ่งโมโหไป เพราะเรามีวิธีที่จะช่วยให้คุณนอนหลับฝันดีมาบอก

Step 1: อย่าดูหนังผี
อย่านึกว่าที่ตอนเด็กๆ แม่ชอบบอกว่าอย่าดูหนังผีเพราะจะเก็บไปฝันร้ายมันเป็นเรื่องหลอกเด็กนะ เพราะเขามีการทำวิจัยมาแล้ว จาก KidsHealth.org ว่าการที่เราดูหนังผีหรืออ่านหนังสือนิยายเรื่องสยองขวัญก่อนนอน มันจะทำให้เราเก็บความกลัวเหล่านั้นไปฝันได้จริงๆ ซึ่งนั่นแหละก็เป็นที่มาของการที่เรานอนฝันร้ายได้นั่นเอง

Step 2: นอนให้เป็นเวลา
รู้มั๊ยว่าการนอนให้เป็นรูทีนจะช่วยให้ร่างกายสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ซึ่ง HelpGuide.org ได้บอกไว้ว่าชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่อย่างเรา นั่นก็คือ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ในขณะที่วัยรุ่นอาจจะต้องการเวลานอนมากถึง 9 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาจาก Scientific American มาแล้วว่าการนอนหลับไม่เพียงพออาจส่งผลทำให้เราฝันเห็นภาพต่างๆ ได้ และนั่นจะรบกวนประสิทธิภาพในการนอนหลับของเราอย่างแน่นอน

Step 3: เลี่ยงการใช้ยานอนหลับ
สิ่งที่มีแอลกอฮอล์ นิโคติน คาเฟอีน หรือแม้แต่ยาบางชนิดก็สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพของการนอนได้ เช่น ยาความดัน หรือแม้แต่ยาแก้โรคซึมเศร้าเอง เนื่องจากการสิ่งพวกนี้จะไปกระทบกับการนอนในเสต็ปที่เรียกว่า REM หรือ Rapid Eye Movement คือเราจะไม่สามารถเข้าถึงการหลับลึกซึ่งเป็นช่วงที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการนอนได้ The National Sleep Foundation บอกว่าการที่เราไม่รับสารบางอย่างที่กล่าวมาเข้าไป จะช่วยให้เราเข้าไปถึงจุดที่นอนหลับลึกได้ดีมากขึ้น

Step 4: ผ่อนคลายให้ได้มากที่สุด
วันไหนที่เครียด แนะนำให้หาแอคทิวิตี้ผ่อนคลายทำก่อนนอน ความเครียดคือหนึ่งปัจจัยที่อาจส่งผลทำให้เกิดฝันร้ายในตอนกลางคืนได้ เพราะฉะนั้นพยายามหาสิ่งที่ทำแล้วตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ และไม่เป็นกังวลก่อนนอน เช่น การแช่อ่างอาบน้ำ การอ่านหนังสือ หาฟังเพลง หรือแม้แต่การนั่งสมาธิ ก็จะช่วยให้สงบและนอนหลับได้ดีขึ้น 

Step 5: จัดห้องนอนให้เข้าที่เข้าทาง
นอกจากแอคทิวิตี้แล้ว บรรยากาศในการนอนก็เป็นตัวช่วยที่ดี ควรใช้ผ้าม่านทึบแสงเพื่อไม่ให้แสงแดดลอดส่องมากวนการนอน เรื่องของเตียงนอนเองก็สำคัญ ที่นอนคือสิ่งที่เราต้องสัมผัสอยู่ทุกคืน เคยมั๊ยที่ไปนอนบางโรงแรมแล้วรู้สึกว่าเตียงนุ่มจัง นั่นล่ะคือสิ่งที่ช่วยให้การนอนของคุณมีประสิทธิภาพ เรื่องของอุณหภูมิห้องเองก็อย่าปรับให้ร้อนหรือหนาวจนเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นกลางดึกคงจะต้องตื่นมากดรีโมทแอร์อีกรอบแน่ 

และนี่ก็คือ 5 เทคนิคที่จะทำให้คุณนอนหลับได้ดี มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม แถมไม่ฝันร้ายจนแบบที่ตื่นมาแล้วยังนั่งเหนื่อยเหมือนเคย ว่าแต่ลองแล้วเป็นยังไงกันบ้าง ก็อย่าลืมมาแชร์กันด้วยนะ 

 


 
-->