พีคในพีค! ครั้งแรกกับการตรวจภูมิแพ้ Skin Prick Test กับผลลัพธ์ที่เกินคาด
โดนอะไรนิดก็คัน โดนอะไรหน่อยก็แดง จนหลายคนยกให้เป็นตัวแม่แห่งความเซ็นซิทีฟ ที่พูดนี่ไม่ได้หมายถึงอารมณ์นะแต่เป็นผิว(หนัง) เนี่ยแหละที่ดูบอบบาง เซ็นซิทีฟซะเหลือเกิน จนเป็นท้อ … วันนี้ไถไปเจอแพ็กเกจตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ในอากาศทางผิวหนัง Skin Prick Test ของพญาไท 1 ก็เลยจัดซะหน่อย! เพราะคิดว่าถ้าจะแพ้เก่งขนาดนี้ ก็เทสกันไปเลยดีกว่าจะได้รู้ว่าแพ้อะไรบ้างกันแน่ !!!ต้องบอกก่อนว่าจากที่เราหาข้อมูลมานั้น การตรวจหาสารก่อภูมิแพ้มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธีคือการใช้เข็มสะกิดผิวหนัง และการเจาะเลือด ซึ่งเราได้แอบไปถามผู้เชี่ยวชาญมาแล้วว่าความแม่นยำนั้นไม่ต่างกัน เพียงแต่การทำ Skin Prick Test หรือสะกิดผิวหนังนั้นมักจะเป็นที่นิยมมากกว่า เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว สามารถรู้ผลได้ภายใน 30 นาที ในขณะที่การเจาะเลือดนั้นอาจจะต้องใช้เวลารอผลประมาณ 1-2 อาทิตย์ ครั้งนี้เราเลยตัดสินใจเลือกเป็น Skin Prick Test เพราะอยากรู้ผลเร็วๆ
ศูนย์สุขภาพเด็ก...กับคนที่ ‘ไม่เด็ก’
หลังจากปักหมุดที่โรงพยาบาล พญาไท 1 เรียบร้อย จอดรถเสร็จสรรพ ก็เดินไปลงทะเบียนกันก่อนที่ อาคาร 2 ชั้น 1 พอเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าให้เราขึ้นลิฟต์มาที่ศูนย์เด็ก ชั้น 3 ต่อได้เลย…ใช่แล้ว เราพูดว่า ‘ศูนย์เด็ก’ เนื่องจากคุณหมอซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ที่จะทำการตรวจให้เรานั้นจะนั่งประจำอยู่ที่ศูนย์เด็กนั่นเอง ซึ่งต้องบอกก่อนว่าการตรวจภูมิแพ้ของแต่ละโรงพยาบาลนั้นอาจจะตั้งอยู่ในศูนย์ที่ต่างกัน อันนี้ก็แล้วแต่เลย แต่ของ รพ.พญาไท 1 นั้นเค้าจะอยู่ที่ศูนย์เด็ก ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่เด็ก แต่ก็สามารถมาตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ที่ศูนย์นี้ได้เช่นกัน
พอลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นมาถึงชั้น 3 เดินออกจากลิฟต์ปุ๊บ หันขวา ก็จะเจอกับเคาน์เตอร์พยาบาล ยื่นเอกสารเสร็จก็นั่งรอชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันกันตามระเบียบ เสร็จแล้วก็นั่งรอคุณหมอ ซึ่งต้องบอกว่าตอนที่เราไปถึงเป็นช่วงเช้า ก็คือโล่ง !!! ปลอดภัยหายห่วง เอาว่ายังไม่ทันนั่ง ก็ได้คิวเข้าพบคุณหมอแล้ว … (จากที่ไม่ตื่นเต้น ตอนเดินเข้าไปก็แอบเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา...)
จะแพ้หรือชนะ...'เรา' ไม่ใช่คนกำหนด
และวันนี้เราก็ได้ตรวจกับ พญ.นิฏฐิดา ปานนาคะพิทักษ์ กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน โดยคุณหมอเริ่มจากซักประวัติ ว่าเราเคยมีอาการแพ้อะไรมาก่อนมั้ย กินยาแก้แพ้มาในช่วง 7 วันนี้หรือเปล่า (เพราะก่อนมาตรวจควรงดการกินยาภูมิแพ้อย่างน้อย 1 อาทิตย์ เผื่อให้ได้ผลที่แม่นยำที่สุด) ซึ่งของเราก็ไม่ได้กินยาแก้แพ้ใดๆ มา ส่วนตัวแล้วเราไม่ได้มีอาการแพ้อาหาร เลยเลือกโฟกัสสไปที่สารก่อภูมิแพ้อากาศมากกว่า โดยวันนี้คุณหมอเลือกเทสเป็นสารก่อภูมิแพ้ทางผิวหนังให้ทั้งหมด 10 จุด โดยจะใช้นำยาทั้งหมด 10 ชนิด มีทั้งตัวคอนโทรล ที่เป็นเหมือนน้ำเกลือ แมลงสาบ 2 สายพันธุ์ ขนแมว ขนสุนัข หญ้าพง หญ้าขน ผักตบชวา และ ไรฝุ่น
โดยคุณหมอจะใช้ปากกาขีดเป็นเส้นๆ ประมาณ 5 เส้น ที่บริเวณท้องแขน เสร็จแล้วก็ใช้แผ่นแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาด ตรงส่วนที่อยู่ปลายเส้นทั้ง 2 ข้าง ซึ่ง…ความพีคอยู่ตรงที่ เราเป็นคนไวต่อแอลกอฮอล์แล้วหนึ่ง ก็คือมันจะแดงๆ แต่ไม่ได้มีอาการแสบ คัน หรือเจ็บ แค่มันจะแดงๆ แล้วเดี๋ยวมันก็จะหายไป ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็เป็นคนยืนยันกับคุณหมอเองว่าใช้แอลกอฮอล์เช็ดได้เลย และหลังจากที่เช็ดทำความสะอาดเรียบร้อย คุณหมอก็เริ่มหยดสารก่อภูมิแพ้ทั้ง 10 ชนิดลงไป โดยคุณหมอจะใช้ปริมาณแค่ 1 drop เล็กๆ คือเอาแค่พอให้รู้ พอเสร็จแล้วคุณหมอก็จะใช้เข็มจิ๋วรุ่นบางเฉียบสะกิดเพื่อเปิดผิวหนังตรงตำแหน่งที่หยดสารก่อภูมิแพ้ลงไป (คุณหมอคือมือเบามากกก เราถอดขนคิ้วยังเจ็บกว่าเลย T_T)
หลังจากทำครบ 10 จุด คุณหมอก็ใช้ทิชชู่ซับน้ำยาส่วนเกินออก หลังจากนั้นก็ให้เรานั่งรอให้สารทำปฏิกิริยากับผิวหนังประมาณ 15 นาที ก่อนอ่านผล ซึ่งต้องบอกก่อนว่าการจะมาเทสนั้นอาจจะคุยเบื้องต้นกับคุณหมอก่อนว่าอยากเทสเป็นสารก่อภูมิแพ้ทางอากาศ หรืออาหาร เพราะคุณหมอบอกว่าตัวน้ำยาทดสอบคือมีสารก่อภูมิแพ้ ที่บางครั้งร่างกายเราอาจจะไม่ได้แพ้ เพราะฉะนั้นมันก็เหมือนเราเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไป ซึ่งคุณหมอก็ไม่อยากให้เราระคายเคืองโดยไม่จำเป็น
ใจบาง…เมื่อเจอผลลัพธ์ที่เกินคาด!
หลังจากเม้าท์มอย นั่งไถมือถือครบ 15 นาที คุณหมอก็เรียกเข้าห้องเพื่อไปฟังผล และความพีคก็ได้บังเกิด! เมื่อคุณหมอพลิกท้องแขนมาดูและพบกับความว่างเปล่า! … คือไม่มีตุ่มนูน หรือจุดบวมใดๆ เลย ทั้ง 10 จุด แม้แต่จุดที่เป็นตัวคอนโทรลที่ควรจะต้องขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นก็คือจะไม่สามารถเทสได้ และ…จุดคอนโทรลของเรานั้นก็ ‘ว่างเปล่า’ เช่นกัน
ซึ่งคุณหมอบอกว่าเคสแบบนี้มีโอกาสเกิดได้ แต่ก็น้อยมากกกก แต่มันได้เกิดกับเราจ้าาา ผู้ซึ่งพ่ายแพ้(เกือบ)ทุกสิ่งอย่างอย่างง่ายดายมาตลอดชีวิต แต่กับการเทสครั้งนี้กลับเจอแต่ความว่างเปล่าบนท้องแขน รอยเดียวที่ปรากฎให้เห็นก็คือแถบด้านข้างตรงปลายเส้นทั้ง 2 ด้าน ซึ่งก็คือรอยแดงจากการที่เช็ดแอลกอฮอล์นั่นเอง คุณหมอเลยอธิบายว่าเป็นไปได้ว่าในเคสเรานั้น ตัวเซลล์ได้พ่ายแพ้ให้กับแอลกอฮอล์ไปแล้ว ทำให้เซลล์ไม่สามารถแตกตัวให้กับสารอื่นๆ ได้อีก ก็คงอารมณ์เหมือนว่าตายแล้ว ก็คือตายแล้ว จะมาตายซ้ำสอง ซ้ำสาม ไม่ได้อีกกก (อันนี้คุณหมอไม่ได้บอก แต่เราคิดเอง 555) สรุปแล้วก็คือคุณหมอแนะนำว่าเราอาจจะเหมาะกับการตรวจโดยการเจาะเลือดมากกว่า เพราะผิวหนังเซนซิทีฟมากจนไม่สามารถเทสได้นั่นเอง
เอาล่ะ สรุปก็คือเราว่าการทำ Skin Prick Test มันก็เป็นวิธีการที่สะดวก รวดเร็ว ในราคาแค่หลักพัน ที่จะสามารถเช็คได้ว่าเราแพ้อะไรบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนหรือหลีกเลี่ยงสภาวะแวดล้อมที่มีสารก่อภูมิแพ้นั้นๆ และสำหรับคนที่ไปไม่รอดอย่างเรากับการทำ Skin Prick Test ก็อย่าเพิ่งถอดใจ เพราะเขาก็ยังมีวิธีตรวจสารก่อภูมิแพ้แบบเจาะเลือดที่อาจจะเหมาะสมมากกว่า
สุดท้ายคุณหมอแนะนำว่าวิธีการป้องกันภูมิแพ้ที่ดีที่สุด ก็คือการไม่เอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีสารก่อภูมิแพ้ชนิดนั้นๆ นะ อย่างคนที่แพ้ไรฝุ่น ก็อาจจะหลีกเลี่ยงการใช้พรม โซฟาผ้า หรือเลือกใช้ผ้าปูที่นอนที่กันไรฝุ่น หรือแม้กระทั่งฟูก อาจจะต้องใส่ใจกับการเลือกใช้กันนิดนึง หรือบางคนก็หันไปใช้แบบยางพาราเลยก็มี
และสำหรับใครที่สนใจอยากไปลองทำ Skin Prick Test ก็สามารถกดเข้าไปที่ website ของโรงพยาบาลพญาไทได้เลย หรือจะโทรไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกันก่อนก็ได้ที่ ศูนย์สุขภาพเด็ก รพ. พญาไท 1 โทร. 02-201-4600 ต่อ 3111, 3112