เขาคือแพทย์หนุ่มหล่อนักวิจัยไฟแรง ที่อยากลดจำนวนผู้ติดเชื้อ HIV ในเมืองไทย
ปัญหาเรื่องโรคเอดส์และการติดเชื้อ HIV ในไทยดูเหมือนจะไม่หายไปง่ายๆ แต่ถึงอย่างนั้นไทยก็ถูกยกเป็นประเทศต้นแบบของภูมิภาคในการจัดการกับปัญหานี้ และหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญคือ นพ.ธนัตถ์ ชินบัญชร หรือ หมอท๊อป แพทย์วิจัยไฟแรงวัย 27 ปี ที่พอเราได้พูดคุยด้วยแล้ว บอกได้คำเดียวว่า.... ความสุขของเขาคือการบรรเทาทุกข์ให้ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV และลดการตีตราจากสังคม
แต่ละปี มีผู้ติดเชื้อ HIV มากกว่าหมื่นคน
ปีที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในโลกเกือบ 2 ล้านคน ส่วนในไทยเพิ่มขึ้นปีละนับหมื่นคน มีทั้งกลุ่มชายรักชาย สาวประเภทสอง เด็กและเยาวชน ที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มขายบริการทางเพศ “พนักงานขายบริการอยู่ในความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ HIV หลายคนไม่มีอำนาจการต่อรองที่จะใส่ถุงยางอนามัย เพราะคนที่มาใช้บริการบางคนไม่ใส่ บางคนถอดถุงเอง ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่ได้รับการดูแลจากภาครัฐหรือไม่มีสิทธิ์ในการรักษาเทียบเท่ากับคนอื่น จึงทำให้คนกลุ่มนี้มาตรวจ HIV ค่อนข้างน้อย ทำให้มีปัญหาติดเชื้อมากขึ้น”
เชื้อไวรัสนี้ทำให้เกิดความเจ็บป่วย 2 อย่างคือ “ป่วยกาย” ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันค่อยๆ ลดลงและ “ป่วยใจ” ทำให้เขากลัว ไม่มาตรวจหรือไม่รักษา กลัวคนมองไม่ดี ซึ่งหมออยากให้มองว่าการตรวจนี้ก็เหมือนการตรวจร่างกายประจำปี เพื่อให้เขารู้ตัวและได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
ช่วงแรกที่ติดเชื้อ อาจมีอาการคล้ายไข้หวัด
“ช่วงแรกของการติดเชื้อเรียกว่าระยะเฉียบพลัน (Acute HIV Infectious) บางคนมีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมน้ำเหลืองโตคล้ายกับคนเป็นไข้หวัด แต่ถ้ารู้ตัวว่ามีความเสี่ยงก็อยากให้ตรวจเลือด ถ้าเข้ามาทันใน 72 ชั่วโมงก็สามารถทานยาป้องกันได้ ยิ่งมาเร็วยิ่งดี”
การตีตราจากสังคม อุปสรรคสำคัญของการแก้ปัญหา
สิ่งที่ทำให้ปัญหายังคงเป็นปัญหาอยู่คือการตีตราจากสังคม “ทุกวันนี้สังคมยังตีตราผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ อาจเพราะไม่เข้าใจว่าในปัจจุบันมีตัวยาที่ช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพแข็งแรง มีชีวิตยืนยาวได้เช่นเดียวกับคนที่ไม่มีเชื้อ ไม่มีอะไรต้องหวาดระแวง... การตีตราทำให้กลุ่มเสี่ยงไม่กล้าเข้ามาตรวจ และคนที่อยู่ร่วมกับเชื้อก็ไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม”
คลินิกนิรนาม...คลินิกที่มากกว่าการตรวจ HIV
คลินิกนิรนามคือการรักษาสุขภาวะทางเพศแบบองค์รวม “คลินิกนิรนามก่อตั้งเมื่อปี 2532 ไม่ใช่แค่การตรวจ HIV เท่านั้น แต่เป็นการให้บริการในด้านสุขภาวะทางเพศแบบองค์รวม มีทั้งการตรวจคัดกรอง การฉีดวัคซีนป้องกัน และรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ”
อย่างการตรวจคัดกรองเชื้อ HIV จากที่เคยรอนานเป็นวัน ปัจจุบันเหลือแค่ 30 นาที “เริ่มจากลงทะเบียนว่าจะเปิดเผยชื่อหรือไม่ ถ้าเปิดเผยจะได้สิทธิ์ตรวจฟรีปีละ 2 ครั้ง ก่อนการตรวจเลือดจะได้พูดคุยกับ counselor เรื่องการตรวจและการป้องกัน จากนั้นไปตรวจเลือดซึ่งรอผลประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ปัจจุบันมีบริการ Xpress เป็นการฟังผลออนไลน์ทาง E-mail SMS หรือ Line ซึ่งร่นระยะเวลาเหลือแค่ 30 นาที เจาะเลือดเสร็จแล้วกลับบ้านได้เลย โดยข้อมูลทั้งหมดจะเป็นความลับ”
เพิ่มจุดบริการ... ลดการติดเชื้อเพิ่ม
“คลินิกเราเป็นคลินิกเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ปัญหาไม่ว่าเรื่องของ HIV หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นปัญหาระดับประเทศ ฉะนั้นอยากให้มีจุดบริการหลายๆ ที่ ที่สามารถให้บริการแบบนี้ โดยที่กลุ่มประชากรเป้าหมายไม่รู้สึกว่าถูกตีตรา อยากให้เขารู้สึกสบายใจที่เข้ารับการรักษาหรือตรวจเลือด... ถ้าเราทำให้ Sex worker ถูกกฎหมายไม่ได้ อย่างน้อยก็ควรให้เข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อลดการติดเชื้อเพิ่ม”
ติดเชื้อแล้วก็แข็งแรง ถ้ากินยาต่อเนื่อง
เราได้ถามคุณหมอถึงโอกาสในการรักษาให้หายขาดคุณหมอบอกว่า “ตอนนี้ยังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ แต่ยาในปัจจุบันมีประสิทธิภาพสูงมากที่จะกดเชื้อ เพราะฉะนั้นถ้ากินยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่องผลการตรวจวัดระดับเลือดก็จะอยู่ในอยู่ในสถานะ U=U จนไม่สามารถวัดระดับไวรัสในเลือดได้ และเชื้อจะมีปริมาณน้อยเกินไปที่จะทำร้ายเราหรือทำร้ายคนอื่น ฉะนั้นจึงต้องลบภาพเก่าๆ ว่าผู้อยู่ร่วมกับเชื้อสามารถแพร่เชื้อสู่คนอื่นได้”
“นอกจากนี้ยังมียา PrEP ที่กินก่อนการมีเพศสัมพันธ์สามารถป้องกันได้เกือบ 100% และยา PEP กินหลังการมีเพศสัมพันธ์สามารถป้องกันได้ 80-90% หากกินทั้ง 2 ตัวอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยป้องกันได้เกือบ 100%”
สุดท้ายหมอท๊อปบอกว่า “ถ้ารู้ตัวว่ามีความเสี่ยงควรรีบมาตรวจเลือด ถ้ามาก่อน 72 ชั่วโมงสามารถทานยาป้องกันได้ หรือเมื่อรู้ตัวว่ามีเชื้อก็ควรรีบมารักษาให้เร็วที่สุด ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่ตอนที่ยังแข็งแรงเราก็จะแข็งแรงต่อไปเรื่อยๆ”